
บทความ
ล่องน้ำคินาบาตางัน สวรรค์ของสัตว์ป่า
ออกจากเมอซิเลาได้คราวนี้คณะของผมต้องระหกระเหินเดินทางข้ามฟ้าจากฟากฝั่งตะวันออกของรัฐซาบาห์มายังสุดขอบด้านทิศตะวันออกโดยเครื่องบินนำพวกผมมาลงที่ซันดากันอดีตเมืองหลวงและศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเกาะเบอร์เนียว
ลงจากสนามบินปุ๊ปก็มีรถตู้มารับปั๊ปเพื่อรับนำไปส่งที่ท่าเรือที่รับส่งวิ่งขึ้น-ลงอยู่ในแม่น้ำคินาบาตางันซึ่งเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของรัฐโดยยาวถึง 650 กิโลเมตร ไหลคดเคี้ยวพาดผ่านผืนป่าที่ลุ่มต่ำที่สมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณไม้แปลกตาและสัตว์ป่าหายากมากมาย


กว่าจะถึงที่พักก็ปาเข้าไปเกือบๆ บ่าย 3 โมงแล้ว เก็บของเข้าห้องยังไม่ทันจะเข้าที่ดี ไก๊ด์ก็รีบมาตามพวกผมให้ออกไปดูเจ้าลิงจมูกยาว หรือ Proboscis Monkey กัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการดูเจ้าลิงประหลาดที่มีจมูกยาวโตงเตงชนิดนี้ โดยลิงจะออกมาหากินตามต้นไม้สูงๆที่ขึ้นอยู่ตามริมแม่น้ำ ตรงไหนเห็นเรือลอยลำอยู่ละก็ ตรงดิ่งเข้าไปเลยไม่เคยพลาดสักครั้ง
เท่าที่ผมสังเกตพบว่าเจ้าจมูกยาวเนี่ยท้องของมันจะป่องกลมกว่าลิงชนิดอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัดและมักอยู่กันเป็นแบบฮาเร็มคือ มีตัวผู้ตัวใหญ่เป็นเจ้าจ่าฝูงคุมตัวเมียและลูกเล็กๆ อีกเป็นโขยง นอกจากจะเป็นลิงที่มีจมูกแปลกกว่าใครในโลกแล้ว ที่ๆ เดียวที่คุณจะพบตัวมันได้ก็ต้องที่เกาะบอร์เนียวเท่านั้นด้วย
3 วันกับอีก 2 คืนที่คินาบาตางันมีสัตว์ป่าดาหน้าออกมาให้เราดูและถ่ายรูปกันเหนื่อย แต่ก็สนุกมากนอกจากเจ้าจมูกยาวที่เป็นพระเอกแล้ว ก็มีลิงแสม ค่างแดง นางอาย นากและอีเห็น ที่ถือว่าเป็นโบนัสพิเศษสุดคือ การได้เจอและถ่ายภาพเจ้าจระเข้น้ำเค็มกับเจ้าตะโขง 2 สัตว์เลื้อยคลานหลานไดโนเสาร์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์เต็มแก่แล้ว โดยเฉพาะเจ้าตะโขงหรือจระเข้ปากกระทุงเหวนั้นลอยตัวนั่งอยู่ห่างจากเรือที่พวกผมนั่งไปไม่ถึง 4 เมตร เล่นเอาใจหายใจคว่ำไปเหมือนกัน
เซปิล็อก บ้านอันปลอดภัยของคนป่าผู้ใจดี
ที่หมายสุดท้ายของปลายทริปบุกบอร์เนียวของทีมผมในครั้งนี้อยู่ที่เซปิล็อกครับ เซปิล็อกเป็นศูนย์ฟื้นฟูลิงอุรังอุตัง (Sepilok Orang Utan Rehabilitation Centre) ของเอกชนที่จัดตั้งขึ้นในปี 2507 โดยมีวัตถุประสงค์ในการช่วยเหลือลุกลิงอุรังอุตังที่ถูกคน (ขี้เกียจ) เลี้ยงแล้วปล่อยทิ้งไร้คนดูแล งานของที่นี่คือ การนำคนป่าผู้ใจดี (อุรังอุตัง แปลว่า คนแห่งป่าครับ...ลืมบอกไป) เหล่านี้มาเลี้ยงในป่าธรรมชาติ ประคบประหงมจนแน่ใจว่าเขาเอาตัวรอดและหากินเองได้แล้วจึงค่อยหาป่าที่เหมาะๆ เพื่อปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ...
ตั้งแต่ลุยบอร์เนียวมาก็ที่เซปิล็อกนี่แหละครับที่คึกคักที่สุด ฝรั่งทั้งหัวขาว หัวแดงเดินกันให้ควั่กคนแน่นราวกับมีงานวัดหรือเปิดให้ชมฟรีแน่ะ ทางศูนย์ฯเขาจัดทำเส้นทางชมอุรังอุตังได้อย่างงดงามดูเป็นธรรมชาติดีมาก ห้องแสดงนิทรรศการก็จัดไว้อย่างยอดเยี่ยม แถมยังมีเส้นทางดูนกให้เดินส่องกันสนุกด้วย ถ้าไม่อยากจ่ายตังค์เพิ่มก็ต้องเดินเข้าเส้นทาง Bird Tower Trail แต่ถ้าอยากจ่ายตังค์ (ถ้าผมจำไม่ผิด คิดคนละ 20 ริงกิต) ก็ให้เดินไปยัง Mangrove Trail ได้เลย
พวกผมใช้วันสุดท้ายบนเกาะบอร์เนียวอย่างคุ้มค่าด้วยการตามเก็บภาพน่ารักๆ ของคนป่าผู้ใจดีอยู่เกือบครึ่งวันก่อนที่จะถึงเวลาขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน

แม้ว่าจะเป็นทริปสั้นๆ ที่ใช้เวลาไม่นานนัก แต่ก็ถือเป็นอีกทริปหนึ่งที่ผมประทับใจมากและอยากกลับมาอีก(หลายๆ) ครั้งจริงๆ ครับ

