top of page
Misty Woodland

ดวงดาว สุวรรณรังษี

บทความ

มหัศจรรย์แห่งภูเขาน้ำแข็ง

      วันรุ่งขึ้นเรามีรายการล่องเรือชมภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งต่างจากการเดินไปบน Trail ที่ได้ชมภาพกว้างแบบพานอรามาอยู่ห่างๆ แต่การนั่งเรือล่องไปในทะเล เหมือนกับการเข้าสัมผัสอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น

      เรือท่องทะเลน้ำแข็งเป็นเรือไม้สีแดง ไม่มีเคบินสำหรับผู้โดยสาร ส่วนใหญ่จะนั่งและยืนกันตามดาดฟ้าหัวเรือ เรือแล่นออกจากท่า บ่ายหน้าออกไปในฟยอร์ดน้ำแข็ง เมื่อเรือแล่นผ่านชุมชนบนปลายแหลมรอบโรงไฟฟ้า ท้องทะเลเริ่มมีแผ่นน้ำแข็งลอยมาบนผิวน้ำ และน้ำแข็งก้อนน้อยใหญ่นี้ไหลลงจากธารน้ำแข็งออกมาสู่ฟยอร์ดน้ำแข็ง ก่อนไหลออกสู่ทะเลเปิดและมหาสมุทรแอตแลนติก

      ความมหัศจรรย์คือเกล็ดหิมะที่ตกลงมาก่อตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง (Iceberg) รูปลักษณ์ต่างๆ นานา บ้างก็ก่อกำเนิดบนยอดเขาน้ำแข็ง ใช้เวลากว่าพันปี บางก้อนก็นานถึง 15,000 ปี ทุกๆ ปี Iceberg นับพันก้อนจะไหลเลื่อนลงมาตามธารน้ำแข็ง ซึ่งมีอยู่มากมายตามชายฝั่งของกรีนแลนด์ กลายเป็นทะเลน้ำแข็งที่ลอยละล่องด้วย Iceberg ซึ่งมีความสูงเท่ากระท่อมหลังย่อมๆ จนถึงขนาดตึกสูง 15 ชั้น

      มันเป็นเรื่องน่าพิศวงว่า มวลสารที่เปลี่ยนสภาพจากของเหลวเป็นของแข็งที่หนักกว่านั้น สามารถลอยได้อย่างไร โดยเฉพาะภูเขาน้ำแข็งใหญ่ๆ คำตอบจากนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องน้ำแข็งโดยเฉพาะก็คือ น้ำแข็งสามารถล่องลอยอยู่บนน้ำได้เนื่องจากผลึกน้ำแข็งมีโมเลกุลเป็นรูปหกเหลี่ยม เมื่อน้ำแข็งตัวก็จะเกิดช่องอากาศ ทำให้มันกลายเป็นของแข็งที่ลอยได้บนสภาพหลอมเหลวของมันเอง ก้อนน้ำแข็งและภูเขาน้ำแข็งหนักหลายร้อยตันที่เราเห็นในท้องทะเลนี้ เราเห็นมันได้ราว 7 ใน 8 ส่วนเท่านั้น ถ้าน้ำแข็งไม่ลอย โลกจะเป็นที่ที่แตกต่างจากนี้มาก เพราะถ้าน้ำแข็งก่อตัวจากใต้มหาสมุทร แทนที่จะก่อตัวบนพื้นผิวมหาสมุทรและเอื้อให้พืชและสัตว์น้ำอยู่รอดข้างใต้ได้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในทะเลอาร์กติกอาจจะไม่มีวิวัฒนาการได้เลย

222A4984.jpg
222A4525.jpg

ไปพบกับชุมชนดั้งเดิม

      วันต่อมาเราล่องเรือไปเยือนชุมชนดั้งเดิมของชาวอินูอิต ชื่อทางการของชุมชนคือโอไคซุต (Oqaatssut) ทว่าเป็นที่รู้จักกันในชื่อเก่าคือ

โรดเดเบย์ (Rodebay) ทั้งหมู่บ้านมีประชากรอยู่ราว 46 คน เดิมเป็นสถานีการค้ามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ซึ่งชาวดัตช์ทำการล่าวาฬถึงขนาดเลือดนองทั้งอ่าว จนกลายเป็นชื่อ Rodebay มาจนเท่าทุกวันนี้ และเป็นที่ตั้งโรงงานปลาของรัฐบาลมานานจนปิดตัวไป กระทั่งชาวประมงของโรดเดเบย์รวมตัวกันก่อตั้งโรงงานปลาขึ้น และสามารถรักษาชุมชนดั้งเดิมที่อยู่ได้ด้วยตัวเอง มีโรงเรียน ร้านอาหารและโรงแรม รับนักท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

IMG_0036.jpg
IMG_0764.jpg

      ด้วยภูมิประเทศที่ปิดล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำทางด้านเหนือและตะวันออก ส่วนด้านใต้และตะวันตกติดชายฝั่งทะเล ในช่วงฤดูหนาวอาจมีเที่ยวบินพิเศษ เป็นเครื่องบินเล็กมาลงชุมชนในละแวกอ่าวดิสโกเบย์เป็นครั้งคราว บ้างก็ใช้สุนัขลากเลื่อนเลียบไปตามชายฝั่งที่น้ำทะเลจับแข็งพอ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเดินทางด้วยเรือ ระหว่างฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เรือเฟอร์รีและโดยสารจะวิ่งเป็นประจำ

      ใช้เวลาแล่นเรือไปราวชั่วโมงหนึ่ง เราก็มองเห็นบ้านสังกะสีทาสีแดง สีน้ำเงิน เรียงรายอยู่ปลายแหลม จากนั้นเรือจึงเลี้ยวโค้งเข้าไปในอ่าวเล็กๆ เราต้องปีนลงเรือไปเดินบนแผ่นน้ำแข็งขึ้นไปยังหมู่บ้าน บริเวณนี้มีทางเดินเป็นสะพานไม้ เริ่มจากห้องเย็นของโรงงานปลา เข้าไปสู่ใจกลางหมู่บ้าน ซึ่งแวดล้อมด้วยโรงเรียน โบสถ์ โรงแรม และบ้านคน ส่วนตรงกลางมีที่ตากปลา รอบๆ เป็นบ้านของสุนัขลากเลื่อนที่กำลังนอนผึ่งแดดอย่างสบายอารมณ์

      เราเดินตรงไปยังโรงเรือนที่เป็นคาเฟทีเรียและร้านขายของที่ระลึกของหมู่บ้าน ได้พบปะผู้คนในชุมชนบ้าง อย่างครอบครัวของครูประจำ

โรงเรียน ในเวลาพักเที่ยง เด็กๆ ก็มาชุมนุมอยู่ที่นี่ เราจึงเห็นหน้าตาของผู้คนที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มหนึ่งหน้าตาเหมือนคนจีน ผมสีดำ น่าจะมีเชื้อสายอินูอิต ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งหน้าตาเหมือนชาวยุโรป ผมสีทอง บอกเล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี

ล่องเรือจากเมืองเก่าสู่เมืองหลวง

      สิสิมิอุตเป็นถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์เมื่อ 4,500 ปีก่อน ทั้งยังเป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในยุคบุกเบิกอาณานิคม มาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเป็นศูนย์กลางการล่าวาฬมาจนถึงปัจจุบัน การประมงก็ยังคงความสำคัญ และด้วยความเป็นเมืองเหนือสุด ซึ่งน้ำทะเลไม่จับแข็ง จึงสามารถเดินเรือได้ตลอดปี

      โรงแรมที่เราเลือกพักอยู่ใกล้ท่าเรือและย่านเมืองเก่า ใกล้ๆ กันคือโบสถ์เก่า ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2318 ถือว่าเป็นโบสถ์เก่าที่สุดเท่าที่ยังเหลืออยู่ในกรีนแลนด์ ตรงบริเวณสนามหญ้าของโบสถ์เก่ามีประตูทางเข้าตกแต่งด้วยกระดูกวาฬขนาดใหญ่มาก ถัดขึ้นไปบนเนินหินสูงคือโบสถ์ใหม่ สร้างใน พ.ศ. 2469 เป็นเรือนไม้สีแดงเลือดหมู ดูสวยสง่าเป็นอย่างยิ่ง

      วันรุ่งขึ้นเราเริ่มการเดินทางออกจากท่าเรือสิสิมิอุตด้วยเรือเฟอร์รีโดยสารของ Arctic Umiaq Line ซึ่งชาวกรีนแลนด์ใช้สัญจรกันเป็นประจำเส้นทางเดินเรือทั้งหมดเลียบชายฝั่งตะวันตก จากเมืองอิลูลิสแซตลงมา ผ่านสิสิมิอุต และล่องลงไปถึงนู้ก แล้วต่อไปใต้สุดที่เมือง Qaqortoq รวมระยะทาง 1,330 กิโลเมตร ใช้เวลา 5 วัน ในการเดินเรือ ทว่าเราจะล่องจากสิสิมิอุตไปยังนู้กเท่านั้น

      เรือโดยสารเลียบชายฝั่งนี้อาจไม่หรูหราเหมือนกับเรือสำราญ แต่เราก็สามารถเห็นวิวทิวทัศน์เดียวกัน และมีความสะดวกสบาย สะอาดยิ่งเมื่อเทียบกันที่ค่าใช้จ่ายแล้วจะประหยัดกว่ากันมาก ถ้าหากเป็นช่วงฤดูร้อนก็เดินทางในช่วงระหว่างอิลูลิสแซตได้ ไม่เสียค่าเครื่องบิน ได้ชมภูเขาน้ำแข็งมากขึ้น และประสบการณ์ที่สำคัญคือมีโอกาสจะได้ชมวาฬมากยิ่งขึ้นด้วย

IMG_2511.jpg
_22A7607.jpg

      จุดแรกที่เรือแวะบนเส้นทางนี้คือชุมชนคังกามิอุต (Kangaamiut) ซึ่งถือว่าเป็นถิ่นฐานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรีนแลนด์ แต่ก็มีประชากรอาศัยอยู่เพียง 360 คน เป็นหมู่บ้านชาวประมงและล่าสัตว์ ย่านนี้มีวาฬชุกชุมมาก ช่วงฤดูร้อนก็จะล่องเรือชมวาฬได้

      ต่อจากนั้นเรือก็ล่องไปจนเย็นใกล้ค่ำ จึงเทียบท่าที่เมือง Manitsoq เมืองนี้ค่อนข้างใหญ่ มีประชากร 2,700 คน ท่าเรือนี้เราสามารถลงไปเดินยืดเส้นยืดสาย ท่ามกลางบรรยากาศที่ชาวเมืองมาห้อมล้อมอยู่ที่ท่าเรือ ทั้งมารับและมาส่งญาติมิตร

      รุ่งเช้าเรือเข้าเทียบท่าเรือเมืองหลวงนู้ก เราจะไปขึ้นเครื่องบินต่อไปยังคังเกอรุสซวก เพื่อเปลี่ยนเครื่องบินกลับสู่โคเปนเฮเกน จึงมีเวลาโฉบเข้าชมหน้าตาเมืองหลวงของกรีนแลนด์เล็กน้อย โดยมุ่งตรงไปที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งรอบๆ มีบ้านเรือนแบบดั้งเดิม รวมทั้งโบสถ์ บริเวณนี้เรียกรวมกันว่า Old Colonial Harbour และภาพสุดท้ายที่เราบันทึกไว้คือรูปปั้น Mother of The sea ที่ย้ำเตือนถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ

      สำหรับพวกเราที่เดินทางจากเส้นศูนย์สูตรสู่เส้นอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ ถึงจะห่างไกล แตกต่างมากเพียงใด แต่พบว่าสายใยของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในโลกใบนี้เชื่อมโยง ผูกพัน และมีผลกระทบต่อกันอย่างมาก น้ำแข็งที่กำลังละลายลงอย่างรวดเร็ว กับป่าเขตร้อนในบ้านเราที่กำลังสูญหายไป มันคือโศกนาฏกรรมและชะตากรรมที่ชาวโลกต้องร่วมกันตระหนัก ก่อนจะถึงวันนั้น...วันที่น้ำแข็งละลาย

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page