
บทสัมภาษณ์
ตูนิเซีย...วงรอบเหนือ-ใต้
จากทะเลกว้างสู่ขอบทะเลทราย
สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยแล้ว ตูนิเซียนับเป็นประเทศที่แปลกใหม่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยว โดยอดีตดินแดนอารยธรรมเก่านับพันปี ที่เคยเลื่องลือในนาม “คาร์เธจ” ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา เคยยิ่งใหญ่รุ่งเรืองไม่น้อยหน้าอาณาจักรโรม และผ่านการทำศึกสงครามครั้งใหญ่กันมาถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งในที่สุด คาร์เธจก็พ่ายแพ้ ถูกทำลายลงอย่างยับเยิน สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วยศิลปะแบบโรมัน ยังปรากฏโดดเด่นให้เห็นอยู่ทั่วประเทศตูนิเซีย
นั่นนับเป็นความน่าสนใจที่ทำให้คุณไพศาล เจริญจรัสกุล เลือกตูนิเซียเป็นจุดหมายหนึ่งของการเดินทาง นอกเหนือจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งสืบทอดต่อเนื่องผ่านโบราณสถานที่หลงเหลืออยู่ ความแตกต่างของสภาพภูมิประเทศระหว่างภูมิทัศน์ของเมืองริมทะเลและสภาพภูมิประเทศแบบทะเลทราย ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวผู้แสวงหาความแตกต่างเดินทางไปเยือนตูนิเซีย
:: เหตุผลที่คุณไพศาลเลือกไปเที่ยวที่ตูนิเซียคืออะไรคะ ::
ทริปไหนก็แล้วแต่ ถ้าคนไทยไม่คุ้น ผมก็อยากไป พอดีว่าตอนนั้นคุณหมอซึ่งเป็นรูมเมทกับผมตอนไปเที่ยวต่างประเทศโทร.มาชวน ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้นึกหรอกครับว่าจะไปดูอะไร พอเขาชวน แล้วผมเห็นว่าเป็นประเทศที่คนไทยไม่ค่อยไปเที่ยวกัน ก็เลยตอบตกลง
:: ในเมื่อเป็นประเทศที่ยังไม่คุ้น คุณไพศาลต้องเตรียมตัวก่อนเดินทางเป็นพิเศษไหมคะ ::
ก่อนไปก็ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเขาก่อนครับ ทำให้ผมรู้ว่าตูนิเซียซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแอฟริกานี้แตกต่างจากประเทศ อื่นๆ ในทวีปเดียวกัน คือเขามีความเป็นโรมันอยู่เยอะ และในส่วนของภูมิประเทศ ก็เรียกได้ว่า หน้าบ้านเป็นเมดิเตอร์เรเนียน หลังบ้านเป็นซาฮารา
ที่ตูนิเซียมีความเป็นโรมันให้เห็นอยู่ตามโบราณสถานหลายแห่ง ก็เพราะในสมัยโบราณ ก่อนเป็นประเทศตูนิเซีย ใกล้ๆ กับตูนิส เมืองหลวงของประเทศ ซึ่งอยู่ในบริเวณชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน คือที่ตั้งของเมืองคาร์เธจ เมืองนี้รุ่งเรืองด้านการค้า ถือเป็นคู่แข่งของโรมัน มีการสู้รบครั้งใหญ่กัน 3 ครั้ง แล้วในที่สุดโรมันก็เข้าครอบครองเมือง และทำลายความเป็นคาร์เธจลงทั้งหมด หลังจากนั้นอีกนาน จูเลียส ซีซาร์ จึงฟื้นฟูคาร์เธจและสร้างสิ่งปลูกสร้างแบบโรมันไว้มากมาย
ความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานแบบโรมันนี้ ทำให้ยูเนสโกคัดเลือกสถานที่หลายแห่งในตูนิเซียเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น เมืองคาร์เธจ อุทยานประวัติศาสตร์ดุกกา เมืองคายราวัน เป็นต้น แต่สถาปัตยกรรมแบบโรมันที่โดดเด่นที่สุดคือโรงละครในเมืองเอลเจม ซึ่งถือว่าเป็นโรงละครโรมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในแอฟริกา และใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ โรงละครนี้ได้รับการดูแลและสมบูรณ์กว่าโคลีเซียมในโรมซะอีก
เมืองเอลเจมนอกจากจะเป็นที่ตั้งของโรงละคร ยังเป็นแหล่งปลูกมะกอก ซึ่งมะกอกนี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของตูนิเซียเลยนะครับ นอกจากมะกอก ตูนิเซียยังเป็นแหล่งปลูกอินทผลัม ผลไม้ทะเลทราย เราได้ไปสัมผัสอินทผลัมสด เด็ดกินจากต้นเลยครับ หวานอร่อยดี
สำหรับคำกล่าวที่ว่า หน้าบ้านเป็นเมดิเตอร์เรเนียน หลังบ้านเป็นซาฮารา ก็เพราะว่าภูมิประเทศแบ่งเป็น 2 ลักษณะอย่างชัดเจน คือ ทางตอนเหนือ เมื่อพื้นที่ค่อยๆ ลาดจากเทือกเขาแอตลาสลงไปก็ติดต่อกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ข้ามทะเลไปคืออิตาลี บรรยากาศค่อนข้างคล้ายทวีปยุโรป ส่วนทางตอนใต้นั้นคือทะเลทรายซาฮารา เป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่าเบอร์เบอร์ ซึ่งพวกเขาเดินทางเชื่อมต่อไปได้ถึงโมร็อกโก
:: สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทไหนคะ ::
มีทั้งแหล่งประวัติศาสตร์และแหล่งธรรมชาติครับ อย่างการไปเที่ยวเมืองคาร์เธจก็มีแต่โบราณสถาน ซึ่งหลายๆ แห่งมีเรื่องเล่าของฮันนิบาล แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ไกด์พาเราไปดูแหล่งประวัติศาสตร์ซึ่งมีมากมาย มีทั้งของโรมันและมุสลิม
ในส่วนของแหล่งธรรมชาติ ก็คือทะเลทราย บริษัททัวร์จัดเส้นทางให้เราได้สัมผัสทะเลทราย มีเข้าไปในซาฮารานิดหน่อย เรานั่งโฟร์วีลเข้าไปในทะเลทราย แวะเที่ยวโอเอซิส 3 แห่ง ซึ่งก็น่าเที่ยวดีครับ เราเดินเข้าไปตามซอกเขาที่อยู่ในทะเลทราย ตามซอกเขานี้มีน้ำตก ลำธาร มีต้นปาล์มขึ้นดกดื่น
:: ที่พักในตูนิเซียเป็นยังไงคะ ::
ค่อนข้างสะดวกสบาย บางแห่งทำคล้ายๆ กับอยู่ในโถงถ้ำ เลียนแบบที่อยู่ของชาวเบอร์เบอร์ที่ขุดอุโมงค์เข้าไปในภูเขา แบ่งเป็นห้องพัก คือ เขาสร้างบรรยากาศขึ้นมาให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส อย่างที่พักในเมืองมัทมาทาก็มีบรรยากาศคล้ายในหนังเรื่องสตาร์วอร์ส ซึ่งมาใช้เมืองนี้เป็นฉากถ่ายทำ
:: คุณไพศาลประทับใจอะไรที่สุดในทริปนี้คะ ::
ชอบเมืองโบราณ เมืองที่ยังมีร่องรอยความยิ่งใหญ่ของโรมัน ชอบโรงละครกลางแจ้งที่ยังอยู่ในสภาพค่อนข้างดี สำหรับสภาพบ้านเรือนของเขาก็สวยดี ดูแล้วคล้ายๆ มีระเบียงยื่นออกมา ที่น่าสนใจที่สุดคือซุ้มประตู บอกได้เลยว่าสวยมาก ถึงขนาดมีหนังสือเกี่ยวกับประตูตูนิเซียเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวมักจะซื้อกลับบ้านกันเลยทีเดียว
