top of page

บทสัมภาษณ์

ศรีลังกา ตามรอยทางพุทธสถาน

 

      สิงหาคม 2554 เป็นช่วงของการเดินทางสำรวจโลกอีกครั้งหนึ่งของคุณไพศาล เจริญจรัสกุล โดยทริปนี้ได้เปลี่ยนบรรยากาศจากการท่องธรรมชาติมาเป็นการสัมผัสและเข้าถึงพุทธสถานสำคัญในศรีลังกา อันเป็นอีกแหล่งมรดกโลกที่ชวนพิศวง รวมถึงการได้เข้าร่วมชมขบวนแห่พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นประเพณีสำคัญของศรีลังกา ที่แต่ละปีจะมีผู้เข้าชมจำนวนมากมายตลอดสองฝั่งทางที่ขบวนช้างเคลื่อนผ่านเป็นแถวยาวเหยียด

      ประสบการณ์การแรมทางในประเทศเกาะขนาดเล็กของเอเชียใต้ได้รับการถ่ายทอดบอกกล่าวจากนักแรมทางตัวจริงของเรา ณ เวลานี้แล้ว

           

 :: ทริปนี้เป็นการเดินทางไปเอง หรือคุณไพศาลซื้อทัวร์ไปจากเมืองไทยคะ ::

      ผมเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์ครับ นับว่าเป็นการไปศรีลังกาครั้งที่สองของผม ครั้งแรกนี่ไปเมื่อ 3 ปีก่อน และที่เกิดทริปนี้ได้ก็เพราะมีพรรคพวกเพื่อนฝูงจำนวนมากยังไม่ได้ไป พอดีกับว่าช่วงเดือนสิงหาคม ที่ศรีลังกามีประเพณีแห่พระเขี้ยวแก้ว จึงเกิดการจัดทริปขึ้น โดยผู้จัดทริปนี้เป็นคนที่เชี่ยวชาญเส้นทางศรีลังกามาก แต่ละปีเขาไปศรีลังกาไม่ต่ำกว่า 4 ครั้ง ส่วนใหญ่ไปทำบุญ โดยนำพระประธานจากเมืองไทยไปถวายที่วัด จึงสนิทกับทางวัดต่างๆ เป็นพิเศษ ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้เป็นการไปเยือนอย่างใกล้ชิด เช่น เราสามารถเข้าไปถึงชั้นในที่วัดเก็บรักษาองค์พระเขี้ยวแก้วไว้ ซึ่งนี่คือจุดที่ผมประทับใจ นอกจากนี้ แต่ละจุดที่เราไป ก็ไปในรูปแบบของวีไอพี ที่พักส่วนใหญ่ก็ระดับห้าดาว

 

 :: รูปแบบการเที่ยวของทริปนี้เป็นยังไงคะ ::

      เป็นการเที่ยวผสมผเสไปกับการทำบุญครับ สถานที่ท่องเที่ยวก็เช่น ถ้ำ โบราณสถาน ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่ หลายแห่งมีอายุเก่าแก่เป็นพันปี อย่างถ้ำดัมบุลลา แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ซึ่งอยู่ในเมืองแคนดี้ มีลักษณะคล้ายกับถ้ำอะจันตา

ลอร่า ในอินเดีย คือมีการแกะสลักเนื้อหินในภูเขา ในโพรงถ้ำ เป็นพระพุทธรูป และมีการตกแต่งทาสีสันสวยงาม

      เราใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวประมาณ 1 สัปดาห์ จากเมืองไทยไปไม่ยากครับ บินตรงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่โคลัมโบ เมืองหลวงของศรีลังกา ใช้เวลาราวๆ 3-4 ชั่วโมง ถึงที่นั่นตอนหัวค่ำ เข้าที่พัก พอวันรุ่งขึ้นก็เที่ยวได้เลย

      การเดินทางกับทัวร์ทำให้เราสะดวกสบาย เพราะมีรถมารอรับที่สนามบิน หลังจากนั้นก็ใช้รถคันนี้ไปตลอด เส้นทางท่องเที่ยวของเราเป็นเส้นวงกลม ระหว่างทางก็แวะเที่ยวไปเรื่อยๆ โดยที่เที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในเมืองแคนดี้

 :: รบกวนคุณไพศาลเล่าถึงบรรยากาศของการชมขบวนแห่พระเขี้ยวแก้วหน่อยค่ะ ::

      เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจครับ มีคนมาร่วมชมเยอะมาก เขาจะแห่กันในช่วงกลางคืน เริ่มประมาณสองทุ่ม แต่ชาวบ้านและคนที่มาจากเมืองอื่นมาจองพื้นที่กันตั้งแต่ 9 โมงเช้า สำหรับคณะทัวร์ของเรานับว่าโชคดี เพราะพักที่ควีนโฮเต็ล ซึ่งตั้งอยู่ตรงหัวมุมที่ขบวนแห่จะต้องผ่าน ไม่ต้องไปจองที่หรือเบียดเสียดกับใคร

      ขบวนแห่ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ระยะทางไม่ไกล เนื่องจากว่ามีช้างเข้าร่วมขบวนถึง 60 กว่าเชือก แล้วช้างก็เดินช้า (หัวเราะ) ช้างแต่ละเชือกมีการประดับไฟสวยงาม แต่ละอำเภอ แต่ละหมู่บ้าน ส่งคนมาร่วมขบวนด้วย ทุกคนแต่งตัวด้วยชุดสีสันสดใส เป็นขบวนที่สวยงามจริงๆ

      สำหรับโรงแรมที่ผมพัก นอกจากอยู่ในทำเลที่ดีต่อการชมขบวนแห่พระเขี้ยวแก้วแล้ว ยังเป็นโรงแรมที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาประทับด้วยครับ

 

 :: การเดินทางครั้งนี้ คุณไพศาลประทับใจอะไรเป็นพิเศษคะ ::

      ความเป็นเอกลักษณ์ของศรีลังกาครับ อย่างเช่น พระพุทธรูปในวัดส่วนใหญ่จะมีสีสันฉูดฉาดสวยงาม มีรูปปั้นสาวกของท่านเป็นชาวยุโรป แปลกดี อาจเป็นฝรั่งที่เคยเข้ามาปกครองศรีลังกา แล้วมาเป็นลูกศิษย์พระก็ได้ ภาพวาดพุทธประวัติภายในวัดก็สวยมาก พูดได้ว่าถ่ายภาพกันเพลินเลยทีเดียว

      นอกจากวัด ก็มีไร่ชาที่เมืองนุวะระเอลิยา บนความสูงสี่พันกว่าฟุต ซึ่งมีรีสอร์ตสไตล์อังกฤษให้นักท่องเที่ยวเข้าพัก สมัยก่อนคนอังกฤษเป็นเจ้าของ แล้วก็ตกทอดกันมาในรุ่นลูกหลาน รูปแบบการจัดการรีสอร์ตเป็นแบบอังกฤษเลย ห้องพักก็น่ารักมาก บรรยากาศรอบด้านดี เช้าๆ ผมออกไปถ่ายภาพชาวทมิฬที่มารับจ้างเก็บใบชา ซึ่งก่อนเก็บ เขาจะยกมือไหว้ก่อน เหมือนเป็นขั้นตอนหนึ่งของการเก็บใบชา

      ประทับใจในผู้คนศรีลังกาด้วยครับ หน้าตาพวกเขาดูคล้ายๆ คนภาคใต้บ้านเรา ถ้าเป็นชาวทมิฬที่มารับจ้างเก็บใบชานี่ก็หน้าดุมากเลย แต่ส่วนใหญ่มีมิตรไมตรีที่ดี ใจดี เวลาเราจะถ่ายภาพ เขาก็ไม่ว่าอะไร ปล่อยให้เราถ่ายภาพได้ตามสบาย

      อีกอย่างที่น่าประทับใจคือ ศรีลังกามีต้นไม้เยอะมาก ไปไหนก็เห็นความเขียวครึ้ม สบายๆ บรรยากาศดีจริงๆ ครับ

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page