
บทสัมภาษณ์
เที่ยวประทับใจในโปแลนด์
ข้ามฟ้าไปยังยุโรป อีกทวีปหนึ่งของโลก ณ ดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูมิทัศน์ของขุนเขาสูง ดอกไม้สวย และอาคารบ้านเรือนที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
“โปแลนด์” เป็นประเทศในยุโรปที่นักเดินทางผู้ไปสัมผัสด้วยสายตาและความรู้สึกของตัวเองมาแล้ว ต่างยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ คุ้มค่าต่อการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปเยือน ทั้งด้วยแหล่งธรรมชาติสวยงาม อาคารสถาปัตยกรรมสุดคลาสสิก รวมถึงความเป็นมาของเรื่องราวเก่าแก่อันมีทั้งประวัติศาสตร์ที่รุ่งเรืองและเหตุการณ์โศกสลดสะเทือนโลก
คุณไพศาล เจริญจรัสกุล จัดสรรเวลา 12 วัน เดินทางเก็บภาพไปบนเส้นทางสายออสเตรีย-ฮังการี-โปแลนด์-เช็ก ซึ่งท่านได้บอกเล่าประสบการณ์การท่องเที่ยวในออสเตรียและฮังการีไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา คราวนี้เป็นการพูดคุยถึงความประทับใจในการไปเยือนโปแลนด์
:: ออกจากบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี คุณไพศาลก็เดินทางสู่โปแลนด์เลยรึเปล่าคะ ::
แวะสโลวะเกียก่อนครับ เพราะเป็นทางผ่านอยู่แล้ว ได้ไปเที่ยวเมืองบราติสลาวา ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสโลวะเกียนิดหน่อย ก่อนจะเข้าสู่เขตประเทศโปแลนด์ ซึ่งจุดแรกที่เราแวะชมคือเหมืองเกลือเวียลิกซ์กา ตอนนี้เขาจำลองการทำเหมืองมาให้นักท่องเที่ยวได้เห็นว่าคนงานทำงานกันยังไง อุปกรณ์เป็นยังไง และยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสประสบการณ์การลองทำตัวเป็นคนงาน เช่น ลองหมุนเครื่องจักรที่ทำด้วยไม้เพื่อดึงน้ำขึ้นมา
เหมืองเกลือนี้อยู่ลึกจากพื้นดินลงไปประมาณ 300 เมตร แต่บรรยากาศก็ไม่ต่างจากข้างบนนะครับ เพราะข้างล่างนี่เป็นห้องโถงใหญ่มาก มีโบสถ์อยู่ด้วยนะ ลงไปแล้วไม่รู้สึกว่าอยู่ใต้ดินเลย เหมือนอยู่ในอาคารหลังใหญ่ๆ มากกว่า ผนังที่ดูเหมือนหินแกรนิต จริงๆ แล้วก็คือเกลือ นอกจากนี้ คนงานเหมืองสมัยก่อน พอว่างก็มาแกะสลักรูปต่างๆ ไว้ ทำให้ดูเหมือนห้องโถงของพระราชวังน้อยๆ เลยทีเดียว
:: นอกจากเหมืองเกลือเวียลิกซ์กาแล้ว คุณไพศาลเดินทางไปเที่ยวที่ไหนอีกบ้างคะ ::
หลังออกจากเหมืองเกลือ ผมก็ไปเที่ยวชมเมืองคราโครว์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าของโปแลนด์ เมืองนี้เป็นที่ตั้งของปราสาทมังกร ซึ่งเกี่ยวพันกับนิยายปรัมปราของที่นี่ หน้าเมืองมีรูปมังกรพ่นไฟ อันเป็นสัญลักษณ์ของชื่อเมือง ผมไปเดินเที่ยวดูก็เห็นว่าหลายๆ อย่างยังอยู่ในสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ภายในเมืองกว้างใหญ่มาก เราใช้เวลาเกือบทั้งวันในการเดินเที่ยวชม มีโบสถ์หลายหลัง แล้วก็มีที่ช็อปปิ้ง ร้านอาหาร แต่ตัวอาคาร ตัวเมืองยังคงสภาพเดิม สิ่งที่เปลี่ยนคือเอาร้านค้าเข้าไปตั้งไว้เท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังมีม้าให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวขี่ชมเมือง รวมถึงมีรถคล้ายๆ รถราง แต่มีม้าลากให้บริการอีกด้วย
:: ไปถึงโปแลนด์ ใครๆ ก็ต้องไปค่ายกักกันเอาชวิตซ์ คุณไพศาลรู้สึกยังไงบ้างคะเมื่อเข้าไปเที่ยวในค่ายกักกันนี้ ::
ต้องยอมรับว่าบรรยากาศหดหู่พอสมควร เข้าไปแล้วผมมีความรู้สึกว่าสถานที่ตรงนี้ผ่านกาลเวลาที่โหดร้ายทารุณมามากเลยทีเดียว ถ้าดูจากบันไดซึ่งทำด้วยแกรนิต เราจะเห็นความสึกหรอได้ชัดเจน มันบ่งบอกว่ามีคนขึ้นลงบันไดนี้เยอะมาก แล้วแต่ละแห่งก็จะมีห้องทรมาน ห้องอะไรต่ออะไรเยอะแยะเลย
ในค่ายกักกันนี้มีอาคารเป็นสิบหลัง ซึ่งด้านในของแต่ละอาคารมีการนำภาพถ่ายมาจัดแสดงให้เราเดินชมโดยได้เห็นความเป็นมาเป็นขั้นเป็นตอน เขายังเก็บแม้กระทั่งเส้นผม พรมที่เอาเส้นผมไปทอ เครื่องทอ เครื่องถัก หวี แปรงสีฟัน แปรงโกนหนวด ฟันปลอม ขาเทียม เก็บไว้เต็มห้องเลย อาคารหลังนึงเก็บของเหล่านี้ไว้แค่สามสี่อย่าง
จริงๆ แล้วผมไปดูเพียงส่วนเดียวเท่านั้นเอง และเป็นแค่เบสแคมป์ ยังไม่ได้เข้าไปถึงชั้นใน เพราะเรามีเวลาแค่ 3 ชั่วโมง ก็ได้ชมเฉพาะอาคารที่มีการกักกันเบื้องต้น ซึ่งหลังจากรมแก๊สแล้ว เขาจะลำเลียงผู้เสียชีวิตไปเผา เราได้ดูแค่นี้เอง
ถึงแม้เราจะใช้เวลาในสถานที่ต่างๆ ของโปแลนด์แห่งละไม่มากนัก แต่เราก็ใช้เวลาในทริปเที่ยวยุโรปอยู่ที่โปแลนด์มากที่สุด ซึ่งเมื่อได้มาสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ผมบอกได้เลยว่าโปแลนด์เป็นที่ที่น่าเที่ยวจริงๆ ครับ
