
บทสัมภาษณ์
ประสบการณ์แรมทางบนถนนลอยฟ้า…คาราโครัม
เป็นอีกครั้งที่คุณไพศาล เจริญจรัสกุล เจ้าของเพจ: Truenaturephoto ได้ทำความฝันของนักแรมทางให้เป็นความจริง ด้วยการออกเดินทางไปตามเส้นทางรถยนต์ที่สูงที่สุดของโลก นั่นคือทางหลวงสายคาราโครัม ไฮเวย์ ในเขตประเทศปากีสถาน ซึ่งตลอดทางเรียงรายด้วยยอดเขาสูงเสียดฟ้าและทัศนียภาพที่งดงาม
:: ทราบมาว่าแรงบันดาลใจในการเดินทางไปตามเส้นทางสายคาราโครัม ไฮเวย์ของคุณไพศาลเกิดขึ้นจากทริปเส้นทางสายไหม ที่มาที่ไปเป็นยังไงครับ ::
จริงๆ แล้ว ความตั้งใจจะเดินทางไปคาราโครัม ไฮเวย์ ในส่วนของปากีสถานมีมานานแล้วครับ แต่โอกาสยังไม่ลงตัว จนกระทั่งผมได้ร่วมทริปไปซินเจียงกับทีมถ่ายทำสารคดีทีวี รายการ Spirit of Asia มีช่วงหนึ่งของการเดินทาง เราไปถึงชายแดนจีน-ปากีสถาน ด้วยความที่ผมศึกษาเส้นทางมาก่อนว่าเส้นทางซินเจียงนี่ทอดยาวต่อไปถึงคาราโครัม ไฮเวย์ ก็เลยถามคนทำสารคดีว่าทำไมไม่ทำเรื่องต่อไปถึงคาราโครัมล่ะ เขาก็สนใจ พอกลับมากรุงเทพฯ เราวางแผนอยู่เดือนเศษๆ แล้วจึงเดินทางไปปากีสถาน ซึ่งผมถือว่าเป็นภาคต่อที่สมบูรณ์แบบ
:: การเดินทางยุ่งยากไหมครับ ::
ไม่ยากเลยครับ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปกับบริษัททัวร์ในเมืองไทย เรื่องเที่ยวบินก็สะดวก เพราะจากกรุงเทพฯ มีเที่ยวบินของการบินไทยบินตรงไปอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน เราพักที่นั่น 1 คืน พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็นั่งเครื่องบินต่อขึ้นสู่ที่ราบสูงกิลกิต จากนั้นก็ใช้รถตลอดจนถึงชายแดนประเทศจีน ใช้เวลาเดินทางสามสี่วัน กับระยะทางสามสี่ร้อยกิโลเมตร
:: เกี่ยวกับเรื่องระดับความสูงของพื้นที่ โดยเฉพาะตรงบริเวณด่านกุนจีรับ ชายแดนปากีสถาน-จีน ที่สูงเกือบห้าพันเมตร ทำให้เกิดอาการแพ้ความสูงรึเปล่าครับ ::
สำหรับผม ไม่มีปัญหาอะไรครับ เนื่องจากเรารู้ตัว ก็เตรียมตัวด้วยการทานยาไดอะม็อก ซึ่งเป็นยาขับน้ำ ช่วยลดอาการแพ้ความสูง ทานก่อนการเดินทางอย่างน้อย 3-4 วัน แล้วระหว่างเดินทางท่องเที่ยวก็ทานทุกวัน จนกระทั่งลงมาถึงที่ราบปกติ เราก็เลิกทาน บางท่านไม่คุ้นเรื่องยาก็ไม่ยอมทาน แต่สุดท้ายแล้วก็มาขอยา เพราะสู้ไม่ไหว
:: บรรยากาศของการนั่งรถเที่ยวไปบนเส้นทางสายนี้เป็นยังไงบ้างครับ ::
เส้นทางคาราโครัม ไฮเวย์ตอนนี้เป็นลูกรังผสมฝุ่น พูดง่ายๆ ว่าฝุ่นเหมือนแป้งตรางูน่ะครับ คือผงฝุ่นละเอียดยิบเลย (หัวเราะ) แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นทางลาดยาง ซึ่งก็จะทำให้เดินทางได้สะดวกขึ้น
คาราโครัม ไฮเวย์เป็นเส้นทางขนส่งสินค้า เราจึงเจอรถบรรทุกและรถวิ่งระหว่างเมืองตลอดทาง ส่วนรถท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากจีน ซึ่งก็มีไม่มากนัก และเป็นมอเตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์ซะเยอะ
การเดินทางครั้งนี้เราเจอเส้นทางที่ถูกดินถล่มปิดเส้นทาง บางช่วงก็กลายเป็นทะเลสาบไปเลย เราต้องนั่งรถไปถึงจุดจุดหนึ่งเพื่อลงเรือ ต้องนั่งเรือเกือบ 2 ชั่วโมงเพื่อไปขึ้นฝั่ง แล้วนั่งรถต่อไป ไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ นะครับ คนขนสินค้าก็ต้องเดินทางขึ้นรถ ลงเรือ ขึ้นรถ แบบเราเหมือนกัน แต่ผมเชื่อว่าจากนี้ไปอีก 4 ปี ถนนสายนี้จะทอดยาวไปถึงท่าเรือการาจี ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ทำให้การเดินทางสะดวกสบายกว่านี้มาก
สำหรับเรื่องทิวทัศน์ระหว่างทางนี่เป็นเรื่องน่าแปลก เพราะว่าบางช่วงริมถนนนี่ดูคล้ายทะเลทรายเลยนะ มองไปทางไหนก็ไม่มีต้นไม้สักต้น แต่กลับเห็นซุงกองไว้เต็มเลย ที่แท้มีป่าลึกอยู่ด้านใน ซึ่งเรามองไม่เห็น ชาวบ้านจะชักลากไม้ออกมาไว้ริมถนนเพื่อรอขนย้ายต่อไป
ส่วนตามทางที่มีน้ำตก น้ำตกก็จะกลายเป็นน้ำแข็งหมดเลย นี่ขนาดเราไปในช่วงที่ไม่ใช่หน้าหนาวนะ คนที่ก่อสร้างทางก็นอนอยู่ใน
แคมป์ข้างๆ น้ำแข็ง ช่วงที่เลียบน้ำตกน้ำแข็งนี่ ระหว่างทางจะเลาะไปตามลำธาร สวยมากครับ
เราต้องผ่านเส้นทางข้ามชายแดนที่สูงที่สุดในโลก คือด่านกุนจีรับ ความสูงประมาณสี่พันกว่าเมตร ซึ่งผมก็ได้ข้ามไปฝั่งจีนไม่กี่ก้าว ตรงนี้จะมีด่านปากีสถาน ด่านกลาง และด่านจีน สำหรับด่านกลางนี่เรียกว่าเป็นจุดสุญญากาศก็ว่าได้ เพราะไม่ได้เป็นดินแดนของใคร ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่เราเข้าไปถ่ายภาพและมองเห็นวิวรอบๆ ได้สวยมาก
:: คุณไพศาลประทับใจอะไรมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ ::
ประทับใจผู้คนครับ แม้หน้าตาดุ แต่ใจดีและเป็นกันเอง ไปที่ไหนก็มีแต่คนเชื้อเชิญให้ดื่มน้ำชาร่วมกัน แม้แต่ตอนที่ผมเข้าไปถ่ายภาพในแคมป์ของกุลี เขาก็เชิญให้เราดื่มน้ำชา ซึ่งตรงนี้ผมก็ได้รูปดีๆ เยอะ
ผู้คนที่ปากีสถานหน้าตาดี โดยเฉพาะที่ฮุนซ่า ผู้หญิงสวยมาก คล้ายๆ ชาวอิหร่าน ส่วนผู้ชาย ถ้าโกนหนวดโกนเครา หน้าตาก็จะคล้ายๆ ฝรั่งความประทับใจอีกเรื่องคือ ที่นี่เคยเป็นเมืองพุทธแล้วกลายเป็นมุสลิมในภายหลัง แต่โบราณสถานต่างๆ ของชาวพุทธยังอยู่ดี แม้กระทั่งภาพแกะสลักที่มือเอื้อมถึง ก็ไม่มีการทำลาย ยังค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ไม่มีสเปรย์ ไม่มีการสกัด ซึ่งตอนนี้ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะคนปากีสถานรู้ว่าถ้าเขาไม่ทำลาย ก็สามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวได้เยอะ เขาตระหนักว่าท่องเที่ยวคือสิ่งสำคัญ
:: อดถามไม่ได้ครับว่าปากีสถานอยู่ใกล้กับอัฟกานิสถาน ซึ่งมีการสู้รบอยู่เป็นระยะ แล้วปากีสถานก็มีปัญหากับอินเดีย คุณไพศาลไม่กลัวเหรอครับ ::
แม้ว่าจุดที่เราเดินทางไปนั้นจะอยู่ไม่ไกลจากอัฟกานิสถาน แต่ว่าถ้าเราหน้าตาแบบคนจีน ชาวเมืองก็ให้ความนับถือ เพราะเขาถือว่าในอนาคตจีนจะให้ความเจริญ ความมั่นคง และเศรษฐกิจ ในเรื่องของความมั่นคงคือ เมื่อปากีสถานมีปัญหากับอินเดีย ก็มีจีนเป็นแบ็กให้ อินเดียก็ค่อนข้างเกรงใจ เราหน้าตาเหมือนคนจีนจึงค่อนข้างปลอดภัย
นอกจากนี้ คนที่ทำงานอยู่บนเส้นทางสายคาราโครัม ครึ่งหนึ่งเป็นคนจีน มีวิศวกรจีนเยอะเลย ดังนั้นกองกำลังบินลาเดนก็คงไม่ทำอะไร ผมนึกถึงตรงนี้ ก็คิดว่าอันตรายคงน้อยลง เพราะเราคือนักท่องเที่ยว ผมคิดอย่างนี้นะครับ (หัวเราะ) ก็เลยทำให้เดินทางไปเที่ยวอย่างไม่กังวลใจอะไร
