
บทสัมภาษณ์
เมียงมองมองโกเลีย
เอ่ยนาม “มองโกเลีย” คงไม่มีใครไม่นึกถึงเจงกิสข่าน จักรพรรดินักรบชาวมองโกลผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมองโกล ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดนักรบผู้แกร่งกล้าที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก บนแผ่นดินที่ราบทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล นอกเหนือจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่โลกไม่ลืมแล้ว ยังมีเรื่องราวของผู้คนในสภาพธรรมชาติอันมีลักษณะเฉพาะ ที่ทำให้นักแรมทางตั้งใจไปสัมผัสด้วยสายตาและหัวใจ ซึ่งหนึ่งในนักแรมทางที่เดินทางไปยังมองโกเลียด้วยเหตุนี้ คือคุณไพศาล เจริญจรัสกุล เจ้าของบ้านหลังนี้นั่นเอง
:: ทริปนี้เป็นครั้งแรกของการเดินทางไปเที่ยวมองโกเลียรึเปล่าคะ ::
ไม่ใช่ครับ เดินทางทริปนี้เป็นทริปที่สอง เมื่อปี 2555 ผมไปมองโกเลียมาแล้วครั้งนึง แต่ไปคนละส่วนกัน แต่ละปีมองโกเลียจะจัดเทศกาลหลายงาน ครั้งแรกที่ผมไปตรงกับช่วงจัดเทศกาลนาดาม เป็นงานใหญ่ของชาวมองโกลในช่วงฤดูร้อน ถือว่าเป็นเทศกาลที่จัดขึ้นเพื่อเทิดทูนเจงกิสข่าน ส่วนใหญ่จัดงานในเมืองหลวงอูลานบาตอร์ มีการแข่งกีฬาหลักของชาวมองโกลแท้ๆ คือ ยิงธนู มวยปล้ำ และขี่ม้า คนที่เข้าร่วมการแข่งขันก็มีตั้งแต่เด็กๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ ในงานก็เหมือนกับมีโชว์เครื่องแต่งกายของชาวมองโกลด้วย
ส่วนครั้งนี้ (ปี 2556) ผมเดินทางไปตรงกับช่วงจัดงาน Eagle Festival หรือเทศกาลนกอินทรี เป็นเทศกาลของชาวคาซัคสถานที่อาศัยอยู่ในมองโกเลียตะวันตก
เราเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปที่ปักกิ่ง จากนั้นเปลี่ยนเครื่องบินไปอูลานบาตอร์ พักคืนนึง แล้วก็ต่อเครื่องบินไปที่เมืองกิลกิต ซึ่งเป็นเมืองทางด้านตะวันตก อยู่ตรงเชิงเทือกเขาอัลไต แถบนั้นเป็นเขตรอยต่อของ 4 ประเทศ คือ จีน มองโกเลีย รัสเซีย และคาซัคสถาน สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้ไม่ไกล ไปถึงเมืองกิลกิตก็พักคืนนึง จากเมืองนี้ไปประมาณ 10 กว่ากิโลฯ ก็ถึงสถานที่ที่เขาจัดงาน เป็นทุ่งกว้าง โล่ง มีภูเขาไม่สูงนัก ซึ่งใช้เป็นที่ปล่อยนกอินทรีลงมาจับกระต่าย หมาจิ้งจอก เป็นการแสดงครับ แล้วทุ่งกว้างนี่ก็มีกิจกรรมทั้งวัน คนที่มาแข่งก็แต่งตัวเหมือนเวลาออกไปล่าสัตว์จริงๆ เสื้อผ้าตัดจากหนังจิ้งจอกทั้งตัวเลย เพราะอากาศหนาว แล้วมีนกอินทรีเกาะแขนไปด้วย เครื่องแต่งกายสง่ามาก คนไปเที่ยวที่นี่ส่วนมากจะถ่ายภาพเครื่องแต่งกายเขา แล้วก็ท่าทางช่วงที่เขากำลังจะปล่อยนกอินทรี
:: เขาแข่งนกอินทรีกันยังไงคะ ::
เขาจะปล่อยนกอินทรีจากบนเขาลงมา แล้วเจ้าของก็จะผูกหมาจิ้งจอกที่เป็นซากให้นกอินทรีบินตามจิก การแข่งขันวัดกันที่เวลาในการจับเหยื่อ ระหว่างแข่งนกอินทรีมีการแสดงโชว์ม้าไปด้วย คนขี่ม้าจะแต่งชุดประจำเผ่าและขี่ม้าด้วยท่าทางที่สง่างาม พูดถึงการล่าสัตว์ด้วยนกอินทรี ต่อไปจะน้อยลง เพราะคนเริ่มเปลี่ยน คนรุ่นใหม่ทำเป็นอาชีพน้อยลง แต่เข้าไปในพื้นที่ลึกๆ ก็ยังมีอยู่
:: ไปมองโกเลียน่าจะถ่ายภาพสนุกนะคะ ::
ครับ หลังจากเราชมเทศกาล 2 วันก็ถ่ายภาพมาได้เยอะเลย วันที่สามเรานั่งรถต่อไปถึงเชิงเขาอัลไต เข้าลึกเข้าไปอีก เราไปนอนในเกอร์ ซึ่งก็คือเต็นท์ขนาดใหญ่ของชาวมองโกล เขาใช้เวลาติดตั้งกระโจมหลังละ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว ในแต่ละหมู่บ้านจะมีกระโจมให้เช่า บริษัททัวร์ก็จะไปให้เขาติดตั้งให้ สำหรับคณะเรามีทีมเซอร์วิสไปด้วย โดยมี 3 คนต่อรถ 1 คัน คนขับรถจะทำหน้าที่บริการเราด้วย พอไปเจอพื้นที่ตรงไหนที่เหมาะก็ปักหลักตั้งเกอร์ตรงนั้นเลย
เกอร์หลังนึงนอนได้ 4 คน แต่ว่าบางเกอร์ก็นอน 2 คน แล้วด้วยนิสัยคนไทยที่อยากอาบน้ำหลังจากเดินทางมาทั้งวัน ขนาดอุณหภูมิลบห้า ลบสิบ ก็ยังจะอาบ เขาเลยให้เกอร์หลังนึงเป็นห้องน้ำ แล้วต้มน้ำร้อนใส่ถุง ค่อยๆ หย่อนลงมาให้เราอาบ แต่พออยู่ไป 3-4 วัน ก็ไม่ค่อยมีใครอยากอาบน้ำกันแล้ว
เราเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มท้ายๆ ที่เข้าไปในพื้นที่นี้ เพราะเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว บางแห่งเราวางแผนไว้ว่าจะพัก 2 คืน แต่ก็พักได้คืนเดียว เพราะหิมะตกหนักมาก คนนำทัวร์กลัวว่าเดี๋ยวจะกลับลงไปไม่ได้ เนื่องจากมองไม่เห็นถนน อันตราย รถอาจตกเขา ก็เลยกลับลงมาก่อนกำหนด จึงต้องไปหาที่พักเอาดาบหน้า เราสิบกว่าคนจึงไปอาศัยแบบโฮมสเตย์ เป็นห้องเล็กๆ ขนาด 5x5 เมตร ต้องนอนเรียงกันเหมือนนักเรียนประจำ แต่ก็อุ่นดี เพราะฝาผนังเชื่อมกับโรงครัว พูดง่ายๆ ว่าถ้าฟืนไฟในครัวดับเมื่อไหร่ก็เอาไม่อยู่ เพราะว่าหนาวมาก ตอนนั้นเป็นช่วงต้นเดือนตุลาคม อุณหภูมิช่วงกลางคืนอยู่ที่ประมาณลบห้า ลบเจ็ดองศาเซลเซียส
:: การไปเที่ยวมองโกเลียสะดวกสบายไหมคะ ::
การไปมองโกเลียไม่ยุ่งยากครับ ง่ายๆ สบายๆ เขาพาไปไหนเราก็ไป เวลาออกนอกเมืองหลวงไป แล้วต้องนอนในกระโจม สำหรับเรื่องความสะอาดก็เตรียมกระดาษทิชชูเปียกอย่างเว็ทวันไปด้วย ไม่ต้องอาบน้ำหรอก ส่วนห้องน้ำ ทีมบริการขุดพื้นให้เรา แล้วมีผ้าใบคลุมสามด้าน ข้างบนโล่งๆ แค่บังตาเท่านั้น
ที่นี่เที่ยวได้ไม่ทั้งปี อย่างเดือนตุลาฯ นี่ พูดถึงส่วนของอูลันบาตอร์ ถ้าไม่มีงานเทศกาลก็ไม่รู้จะไปทำไม เพราะมันหนาวมาก หิมะตก เราจึงเลือกไปเที่ยวทางตะวันตกเพราะอยากดูวิถีชีวิตของเขา
ในส่วนของพื้นที่ทางตะวันของมองโกเลียน่าเที่ยวนะ ถ้าหากว่าเราเดินทางแล้วแวะตามทุ่ง ก็จะเจอลำธาร มีร่องน้ำเล็กๆ มีต้นไม้ น้ำ ดอกไม้น้ำสวยมาก อากาศดี ส่วนในทุ่งหญ้าก็จะสวยมาก มีคนเลี้ยงแกะขี่ม้าเหมือนคาวบอยให้เห็นด้วย
