
บทสัมภาษณ์
เที่ยวสุดแดน แมนจูเรีย-มองโกเลียใน
แผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลถึง 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร มากมายด้วยภูมิทัศน์งดงามแตกต่าง เช่น ดินแดนแมนจูเรีย ซึ่งอยู่ในมณฑลเฮย์หลงเจียง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ตระการตาด้วยขุนเขายอดหิมะ ผืนป่า แม่น้ำสายใหญ่ของโลก ตลอดจนทะเลสาบภูเขาไฟ และติดกับแมนจูเรีย คือมองโกเลียใน ซึ่งมีท้องทุ่งหญ้าสวยงามอันดับหนึ่งของเมืองจีน อีกทั้งยังมีเสน่ห์น่าเที่ยวด้วยภูมิทัศน์ของผืนป่า ขุนเขา รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ซึ่งคุณไพศาล เจริญจรัสกุล เดินทางไปเยือนเมื่อช่วงเดือนกันยายน อันเป็นห้วงฤดูใบไม้ร่วงของดินแดนนั้น
:: การท่องเที่ยวในจีนทริปนี้ คุณไพศาลมีจุดหมายที่แตกต่างจากนักท่องเที่ยวทั่วไปค่อนข้างชัดเจน อยากให้ช่วยเล่าถึงแมนจูเรียและมองโกเลียใน เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่ไปจีนบ่อยแล้ว แต่ยังอยากไปอีก โดยมีจุดหมายแตกต่างจากโปรแกรมทัวร์หลักๆ ค่ะ ::
เริ่มที่แมนจูเรียก่อนนะครับ แมนจูเรียอยู่ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นจีนอีสานนั่นเอง เดิมทีถูกจีนปกครอง แต่เมื่อประมาณสองร้อยกว่าปีก่อนได้กลายเป็นดินแดนของรัสเซีย พอถึง ค.ศ. 1931 ญี่ปุ่นก็มายึดครอง จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายแพ้สงคราม รัสเซียจึงเข้ามาปกครองแมนจูเรียอีกครั้ง จนเมื่อหกสิบเจ็ดสิบปีนี่เองที่แมนจูเรียกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของจีน เรียกว่าสมบัติผลัดกันชมก็ว่าได้ครับ
ผมไปแมนจูเรียเป็นครั้งที่สอง ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่งอากาศเริ่มหนาว ใบไม้เปลี่ยนสี ต้นไม้ในป่าที่นี่ส่วนใหญ่เป็นต้นเบิร์ช ลักษณะของต้นเป็นสีขาว มีลวดลาย ใบคล้ายเมเปิล ต้นเบิร์ชนี่มีคุณค่าเทียบเท่าไม้สักของเรา ป่าต้นเบิร์ชในแมนจูเรียมีขนาดใหญ่มาก เพราะรัฐบาลส่งเสริมให้ปลูกด้วย
แต่ไฮไลต์ของเส้นทางในแมนจูเรียคือแม่น้ำเฮย์หลงเจียง ซึ่งเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับเก้าของโลก จุดที่เราไปดูคือเมืองชายแดนชื่อเมืองเฮย์เหอ ฝั่งตรงข้ามคือรัสเซีย ซึ่งคนจีนเรียกว่าเมืองไห่หลานเผ่า
อีกที่หนึ่งที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ คือเขตอนุรักษ์พันธุ์นกกระเรียนแห่งจาหลง ในเมืองฉีฉีฮาเอ่อร์ ซึ่งนกกระเรียนจะบินอพยพหนีหนาวมาอยู่ที่นี่ แล้วคนจีนเขาฉลาด เลี้ยงไว้เพาะพันธุ์เลย ตอนนี้จึงมีนกกระเรียนจำนวนเยอะมาก พูดง่ายๆ ว่าขณะนี้เขตอนุรักษ์ฯ จาหลงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะกับการมีนกกระเรียนพันธุ์มงกุฎแดง หรือนกกระเรียนแมนจูเรีย หรือนกกระเรียนญี่ปุ่น ซึ่งที่ฮอกไกโดในญี่ปุ่นถือว่าเป็นนกประจำถิ่นไปแล้ว ก็ถือว่ามีจำนวนมากในแมนจูเรียด้วย สำหรับที่ญี่ปุ่น สีแดงตรงหัวของนกกระเรียนพันธุ์นี้ดูแล้วเหมือนดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น และเขายกย่องว่านกกระเรียนเป็นนกที่มาจากสวรรค์ จีนก็เหมือนกัน เวลาเราไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ เช่น พระราชวัง จะเห็นว่ามีรูปนกกระเรียนอยู่เยอะ สองชาติต่างฝ่ายต่างนำมาเลี้ยง แล้วเชิดชูไปคนละแบบ แต่ถือว่าเป็นนกชั้นสูงเช่นเดียวกัน
อีกที่หนึ่งที่น่าสนใจคือหมู่บ้านขั้วโลกเหนือ ชื่อเป่ยจี๋ชุน เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของแมนจูเรีย เมื่อเราเข้าไปในหมู่บ้านก็จะได้บรรยากาศย้อนยุคนิดนึง มีที่ทำการไปรษณีย์ที่อยู่เหนือสุดของประเทศจีนตั้งอยู่ด้วย เราไม่ได้ค้างคืนที่นี่ เพราะอากาศหนาวมาก ในช่วงเดือนกันยาฯ ที่ผมไป อุณหภูมิอยู่ที่ 1 องศาเซลเซียสครับ
:: แล้วที่มองโกเลียในล่ะคะ มีความแตกต่างจากแมนจูเรียมากไหมคะ ::
ที่เห็นได้ชัดก็คือ หลังจากผ่านภูเขาในช่วงรอยต่อของแมนจูเรียเข้าสู่มองโกเลียใน สภาพภูมิประเทศก็กลายเป็นท้องทุ่ง ซึ่งสวยไปอีกแบบ ทุ่งหญ้าฮูหลุนเป้ยเอ่อร์ถือว่าเป็นทุ่งหญ้าที่สวยงามอันดับหนึ่งของจีน โดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน ซึ่งทุ่งหญ้าเป็นสีทองอร่าม สวยมาก
จากนั้นเราก็แวะไปที่เมืองเอ้อร์กูน่า ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจงกิสข่าน หลังจากนี้เราจะได้พบอนุสรณ์สถานของเจงกิสข่านในเมืองต่างๆ เช่น จัตุรัสเจงกิสข่านที่เมืองไห่ลาเอ่อร์ หรือศาลจอมทัพเจงกิสข่าน ในเมืองอูหลานเฮ่าเท่อ ซึ่งเป็นเมืองสำคัญเมืองสุดท้ายของมองโกเลียใน ด้านตะวันออก มีพื้นที่ติดต่อกับมณฑลจี๋หลิน
จากนั้นเราก็เข้าไปในเขตประวัติศาสตร์ที่นครฉางชุน มณฑลจี๋หลิน เป็นเขตที่มีการตั้งทำเนียบรัฐบาลสมัยอาณาจักรแมนจูกัว ในช่วงที่ญี่ปุ่นเข้ามาแล้วแต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดขึ้นมา
สำหรับสองเมืองเอกในมณฑลจี๋หลิน คือ นครฉางชุน ซึ่งเป็นเมืองหลวง และเมืองจี๋หลิน แทบไม่มีร่องรอยเดิมๆ แล้ว ตอนนี้เจริญขึ้นมาก ตึกรามบ้านช่องขึ้นมาเยอะแยะ
:: คุณไพศาลชอบอะไรที่สุดในทริปนี้คะ ::
ชอบป่าไม้ของเขา แล้วก็ประวัติศาสตร์ที่มีการผลัดเปลี่ยนชนชาติมาปกครอง ตั้งแต่เกาหลี จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น แล้วกลับมาจีนอีกที ซึ่งต้องยอมรับว่าสมัยเหมาเจ๋อตุง จีนได้พื้นที่กลับมาเยอะ นั่นรวมถึงทิเบตกับซินเจียงด้วย
