top of page

บทสัมภาษณ์

เคนยา แทนซาเนีย จะอีกกี่ครั้งก็ยังประทับใจ

 

      การที่ใครสักคนเลือกกลับไปเยือนสถานที่เดิมเป็นครั้งที่สอง และยังมีความตั้งใจที่จะเดินทางไปอีก ย่อมมีนัยว่าพื้นที่นั้นมีความหมายมากมายเพียงไร โดยเฉพาะเมื่อเป็นดินแดนที่ต้องใช้เวลาและทุนทรัพย์ไม่น้อยในการเดินทางไป ยิ่งย่อมหมายถึงความ ‘พิเศษ’ มากกว่าการเป็นแค่เพียงแหล่งท่องเที่ยวทั่วไป

      และเคนยา แทนซาเนีย ก็เป็นหนึ่งในดินแดนเปี่ยมความหมายนั้น สำหรับคุณไพศาล เจริญจรัสกุล แล้ว ท้องทุ่งหญ้า แม่น้ำ และสัตว์ป่านับพันหมื่น คือสุดยอดแหล่งธรรมชาติของโลกที่ไปเยือนได้หลายครั้งโดยไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายเลย

 

 :: ทราบว่าทริปเคนยา แทนซาเนียนี้ไม่ใช่ครั้งแรก อะไรทำให้คุณไพศาลเลือกที่จะกลับไปเที่ยวที่นั่นอีกครั้งคะ ::

      เพราะผมรู้สึกประทับใจในความยิ่งใหญ่ของสองประเทศนี้ครับ ทั้งด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่ที่ดูไร้พรมแดน และสัตว์ป่าที่มีอยู่มาก มายเต็มท้องทุ่ง

      จะว่าไปแล้ว แนวเขตแดนก็แทบไม่มีความหมายสำหรับพื้นที่นี้ เนื่องจากสัตว์ป่าฝูงใหญ่สามารถข้ามแม่น้ำมาไซที่กั้นระหว่างเขตอนุรักษ์สัตว์ป่ามาไซ มารา ในเคนยา และอุทยานแห่งชาติเซเรนเกติ ในแทนซาเนีย ไปมาได้อย่างสะดวก รวมถึงชาวมาไซ ชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินระหว่างสองประเทศ ก็สามารถข้ามประเทศไปมาหาสู่กันได้อย่างอิสระ แต่สำหรับเราๆ คงลำบาก ถึงแม้ว่าไม่มีรั้วกั้นประเทศ ไม่มีด่านศุลกากร แต่ต้องผ่านฝูงสัตว์ป่า ซึ่งน่าจะโดนงาบซะก่อน (หัวเราะ)

      อีกเหตุผลหนึ่งของการไปหลายครั้ง ก็เพราะว่าอยากพบอยากเห็นอะไรที่ดีกว่าครั้งที่แล้วน่ะครับ

 

 :: สิ่งที่หลายคนอยากเห็นในการเที่ยวแบบซาฟารีคือบิ๊กไฟว์ (สิงโต เสือดาว แรด ควายป่า และช้าง) คุณไพศาลได้เห็นครบรึยังคะ ::

      ผมเห็นและถ่ายภาพบิ๊กไฟว์ได้ครบแล้วครับ ตัวสุดท้ายคือเสือดาว ซึ่งถ่ายภาพยากที่สุด เพราะส่วนใหญ่ออกหากินตอนกลางคืน กลางวันจะนอน แต่บังเอิญว่าเสือดาวตัวที่ผมถ่ายภาพมาได้มันหลงมาให้เห็น

      เรื่องถ่ายภาพเนี่ย คาดหวังแล้วเครียด (หัวเราะ) แต่ผมก็มีภาพบิ๊กไฟว์ครบแล้ว ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถ้ามีโอกาส ผมก็ยังอยากไปเคนยา แทนซาเนียอีก เพราะไปกี่ครั้งก็ตื่นเต้น สนุก

 

 :: ควรจะไปเที่ยวในช่วงเดือนไหนคะ ::

      ฤดูสัตว์ป่าอพยพ ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงต้นตุลาคม เพราะเมื่อพ้นจากฤดูกาลนี้แล้ว สีสันของชีวิตสัตว์ป่าจะน้อยลง ต้องไปตระเวนหา แต่ไปในช่วงนี้สัตว์ป่าจะรวมฝูงอพยพกันเป็นคาราวานเลย เราก็แค่ไปนั่งรออยู่ที่แม่น้ำมาไซด้วยอารมณ์ประมาณว่า ‘มาเลย เสร็จข้าแน่’ (หัวเราะ) เพราะเราจะได้ถ่ายภาพกันอย่างเต็มที่น่ะครับ

 

 :: แล้วการถ่ายภาพสัตว์ป่าอพยพ ช่างภาพสามารถลงจากรถได้ไหมคะ ::

      จริงๆ แล้วเจ้าหน้าที่เขาไม่ให้นักท่องเที่ยวลงจากรถ แต่ทุกคนก็ลง (หัวเราะ) เพราะคิดว่าสัตว์ป่าคงไม่ล่าเรา เนื่องจากมันมีอาหารชุดใหญ่

      อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ก็ต้องระวังตัว อย่าไปยืนอยู่ในเส้นทางอพยพของฝูงสัตว์ เพราะมันจะวิ่งกรูผลักเราตกลงแม่น้ำกลายเป็นเหยื่อไปด้วย

 

 :: นอกเหนือจากการนั่งรถจี๊ปดูสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าซาฟารีแล้ว การขึ้นบอลลูนก็ถือว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการดูสัตว์ป่าใช่ไหมคะ::

      ครับ สำหรับผมแล้วไม่ขึ้นไม่ได้เลยละครับ บางคนอาจจะกลัว ไม่อยากขึ้นบอลลูน บางคนก็บอกว่าเคยขึ้นมาแล้ว เคยเห็นภาพจากมุมสูงมาแล้ว แต่ก็มีบางคนบอกว่ากี่ครั้งๆ ก็ไม่เบื่อ ซึ่งบางคนนั่นก็รวมถึงผมด้วย

      ผมไปเคนยา แทนซาเนีย 2 ครั้ง ก็ขึ้นบอลลูนทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกได้เห็นสัตว์ป่าเยอะ ครั้งที่สองได้เห็นแบบรางๆ ทั้งที่ขึ้นบอลลูนจุดเดียวกัน จุดที่ขึ้นคือเขตอนุรักษ์สัตว์ป่ามาไซ มาราครับ

 

 :: คุณไพศาลคิดว่าการถ่ายภาพจากบนรถจี๊ปและบนบอลลูน แบบไหนดีกว่ากันคะ ::

      มันต่างกันครับ การถ่ายภาพจากบนบอลลูนซึ่งเป็นท็อปวิวย่อมดีกว่าในแง่ของจำนวนสัตว์ป่า คือได้ภาพจำนวนสัตว์ป่าเยอะ หนาแน่น ดูน่าตื่นตา ส่วนการถ่ายจากบนรถ ก็จะได้ภาพอีกแบบหนึ่ง มีทั้งวิวทิวทัศน์ประกอบ และภาพโคลสอัพที่ดูน่าสนใจ

      ยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ซาฟารีที่เคนยาและแทนซาเนียก็เป็นทริปที่น่าประทับใจมากสำหรับผม

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page