
บทสัมภาษณ์
แคชเมียร์
สำหรับนักเดินทางที่หลงรักดินแดนแห่งขุนเขา โดยเฉพาะเทือกหิมาลัยที่ได้รับคำเปรียบเปรยว่าเป็นดั่งหลังคาโลก คงไม่มีใครไม่นึกถึงแคชเมียร์ เมืองงาม ณ สุดขอบชมพูทวีป
แคชเมียร์คือเมืองหลวงในฤดูร้อนของแคว้นแคชเมียร์และจัมมู ประเทศอินเดีย ทว่าสำหรับนักแรมทางแล้ว เมืองนี้เปรียบดังสวรรค์บนดินในทุกห้วงฤดูกาล เพราะภูมิประเทศที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขายอดอาบหิมะ ทุ่งดอกไม้ ทะเลสาบ และทุ่งนา ไม่ว่าจะเดินทางไปถึงในฤดูใด แคชเมียร์ก็มอบความงดงามเป็นประจักษ์แก่สายตาทุกคราวไป ดังเช่นที่คุณไพศาล เจริญจรัสกุล ได้สัมผัสด้วยตนเองและยังเก็บภาพงดงามมาให้เราได้ร่วมชื่นชมไปด้วยกัน
:: คุณไพศาลไปเที่ยวแคชเมียร์ในช่วงฤดูอะไรคะ ::
ผมไปในเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งตอนนั้นยังมีใบไม้เปลี่ยนสีนิดๆ อากาศไม่หนาวเกินไป แต่ถ้าเป็นหน้าหนาว หิมะตก อาจเดินทางไม่สะดวก อย่างตอนผมไปมีหิมะโปรยๆ นิดหน่อย ก็ยังเดินทางได้ ไม่ลำบากครับ
:: แหล่งท่องเที่ยวเด่นๆ ในแคชเมียร์ที่คุณไพศาลไปเที่ยวในทริปนี้คือที่ไหนบ้างคะ ::
ก็มีพาฮาลแกรม สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ก โซนามาร์ก ทะเลสาบดาล ทั้งหมดนี่เป็นโปรแกรมเบสิกของแคชเมียร์ คนไปครั้งแรกก็ต้องไปที่สถานที่เหล่านี้
เที่ยวพาฮาลแกรม ก็ไปดูวิถีชีวิตคนท้องถิ่น ซึ่งแต่งตัวสวยดี ส่วนมากทำงานในไร่ชา ผมพักที่พาฮาลแกรมคืนนึง วิวทิวทัศน์สวยครับ โรงแรมที่เราพักอยู่แถวลำธาร พอเช้ามา ไกด์ก็จัดให้เราขี่ม้าเลาะไปตามเขา ส่วนใหญ่เราขี่ตามกันไปเป็นขบวน
สำหรับที่กุลมาร์ก ต้องนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นไปข้างบน ซึ่งมีทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ แต่วันที่เราไปหิมะตกหนัก ก็เลยนั่งเคเบิลคาร์ได้แค่ช่วงแรก ช่วงที่สองไม่ต่อไม่ได้เพราะหิมะตกหนักมาก ด้านบนนั้นเป็นที่ที่นิยมไปขี่ม้า ชมทุ่งหญ้า ดอกไม้ พอมีหิมะก็จะกลายเป็นที่เล่นกีฬาฤดูหนาว เช่น สกี ข้างบนจะมีฝูงแกะ มีหมู่บ้านบนที่ราบสูงว่างั้นเถอะ แต่การขึ้นไปต้องนั่งเคเบิลคาร์ เพราะระดับพื้นที่มันต่างกัน ผมไม่เห็นมีรถนะครับ เพราะข้างบนอาจสูงชัน ขึ้นลำบาก
ส่วนที่โซนามาร์ก เป็นจุดที่เราไปดูกลาเซียร์ ตามทางมีถนนสำหรับคนและม้า ซึ่งรถยนต์เข้าไปไม่ได้ เพราะถนนไม่เหมาะสำหรับรถยนต์วิ่ง จริงๆ ต้องใช้เวลามากถ้าจะเข้าไปดูข้างใน แล้วก็ต้องเป็นคนแข็งแรงจริงๆ จึงจะเดินไปถึง ขนาดขี่ม้าเข้าไปยังอยู่ด้านในไม่นานก็ต้องรีบกลับออกมา เพราะเวลาไม่พอ เราไม่ได้ไปดูธารน้ำแข็งอย่างเดียว เพราะระหว่างทางเป็นทุ่งกว้าง สวยมาก ระหว่างทุ่งมีภูเขา เราก็เดินเข้าไป มีลำธารไหลผ่าน ถ้ามีเวลาก็เดินเรื่อยๆ สนุกดีครับ ไกด์ให้เวลาเรา 5 ชั่วโมง เพราะเผื่อเวลาไม่ให้กลับถึงเมืองศรีนาการ์มืดค่ำเกินไป เวลาที่อยู่ที่โซนามาร์กนี่ถือว่าไม่มาก แต่เราก็ได้ดูอะไรสวยๆ เยอะแล้ว
สำหรับที่ทะเลสาบดาล ตอนเช้าเราลงเรือชิคาราไปชมตลาดน้ำ ระหว่างทางจากโรงแรมเรือไปตลาด สองฟากทางเป็นบรรยากาศของทะเลสาบ แล้วลัดเลาะเข้าคลองเล็กๆ ไป มีหมอกครึ้มๆ สวยดีครับ เราเข้าไปดูบรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำ เสียงเจี๊ยวจ๊าวดีเหมือนกัน เป็นตลาดที่ชาวบ้านมาซื้อขายกันเป็นปกติอยู่แล้ว เราก็ไปผสมโรง ไปดู ไปถ่ายภาพ ที่นี่ไม่ค่อยมีคนขายเป็นผู้หญิง ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เรือบางลำมีดอกไม้เต็มเรือเลย เป็นภาพที่ลงปกหนังสือเยอะแยะ ดอกไม้สดสวยมาก
:: ทราบมาว่าแคชเมียร์มีโรงแรมเรือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของการท่องเที่ยว รบกวนคุณไพศาลเล่าถึงบรรยากาศในโรงแรมเรือหน่อยค่ะ ::
ใช่ครับ ผมก็เลือกพักโรงแรมเรือริมทะเลสาบดาล จะว่าไปแล้ว โรงแรมเรือส่วนใหญ่ก็คล้ายกัน คือเป็นเรือจอดแบบถาวร ผมไม่แน่ใจว่าเรือยังใช้งานได้รึเปล่า เรือลำนึงมี 3-4 ห้องนอน ส่วนครัวอยู่บนฝั่ง พอพ่อครัวแม่ครัวทำกับข้าวเสร็จก็จะยกมาเสิร์ฟในเรือ ตรงหัวเรือเป็นจุดชมวิว อากาศดี ได้บรรยากาศเหมือนเราล่องเรือ ราคาที่พักก็ไม่สูงเท่าไหร่ เรือบางลำตกแต่งอย่างง่ายๆ บางลำก็หรูหน่อย ตอนเช้าๆ และตอนเย็นๆ มักมีคนพายเรือลำเล็กมาเทียบเรือเราแล้วเอาของขึ้นมาขาย เขาจะมีกระเป๋ามาด้วย ขึ้นเรือมาแล้วก็เทของออกขายในห้องโถงเลย ทีนี้คนเราพอมีเวลาว่าง ไม่รู้จะไปไหน ก็ซื้อของไงครับ ต่อราคากันไปเป็นที่สนุกสนาน
:: ควรใช้เวลาเที่ยวสักกี่วันดีคะ ::
ถ้าเที่ยวตามโปรแกรมที่ผมไป คือให้ศรีนาการ์เป็นเซ็นเตอร์ พักที่นี่ที่เดียว เช้ามาก็นั่งรถออกไปเที่ยวตามแหล่งต่างๆ ใช้เวลาสัก 4-5 วันก็พอแล้วครับ
:: ต้องเตรียมอะไรไปเป็นพิเศษไหมคะ ::
ถ้าไปกับบริษัททัวร์ก็ไม่มีอะไรต้องเตรียมครับ อย่างเรื่องอาหารการกิน เขาจะเตรียมให้เสร็จสรรพ มีอาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋องไปให้ด้วย เพราะอาหารแคชเมียร์นี่พูดง่ายๆ ว่าเป็นอาหารแขก บางคนอาจไม่คุ้น ก็กินอาหารที่บริษัททัวร์เตรียมไปให้ สบายๆ ครับ
