
บทสัมภาษณ์
ดูเสือในถิ่นราชา เปิดหูเปิดตาในแดนอินเดีย
อินเดียนับเป็นแผ่นดินมหัศจรรย์ ทั้งด้วยภูมิประเทศที่แตกต่างหลากหลาย โบราณสถานอันวิจิตรงดงาม วิถีวัฒนธรรมน่าทึ่ง รวมไปถึงผู้คนที่ว่ากันว่าสร้างสีสันให้ประเทศนี้ได้อย่างที่สุด
ไม่ใช่เฉพาะนักเดินทางหน้าใหม่ที่จัดอินเดียไว้เป็นจุดหมายของการท่องโลก แม้กระทั่งคุณไพศาล เจริญจรัสกุล ผู้ผ่านการแรมทางมาแล้วทุกทวีป ยังหลงเสน่ห์อินเดียจนเดินทางไปเยือนหลายครั้งโดยไม่รู้เบื่อ
:: คุณไพศาลไปเที่ยวอินเดียกี่ครั้งแล้วคะ ::
11 ครั้งแล้วครับ ครั้งต้นๆ ไปเรื่องธุรกิจ แล้วก็แถมไปเที่ยวด้วย 2-3 วัน ซึ่งส่วนใหญ่ผมบินไปลงที่นิวเดลี ของแถมที่พลาดไม่ได้ก็คืออักรา ทัชมาฮาล เหมือนเป็นสูตรสำเร็จน่ะครับ ทำให้ผมไปเยือนทัชมาฮาลสักสิบครั้งได้แล้วมั้ง (หัวเราะ)
:: จากครั้งแรกจนถึงครั้งล่าสุด ทัชมาฮาลมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนคะ ::
สมัยไปแรกๆ เมื่อประมาณ 12 ปีที่แล้ว รถแล่นเข้าไปจอดใกล้ๆ แล้วเดินอีกนิดเดียวก็เข้าทัชมาฮาลเลย ตอนนั้นมีไกด์ผีเยอะมาก แต่ระยะหลังนี่เค้าจัดเป็นระบบมากขึ้น ที่เห็นชัดๆ คือการถ่ายภาพที่ค่อนข้างเข้มงวด คือไม่ให้เอาขาตั้งกล้องเข้าไป ผมคิดว่าการใช้ขาตั้งกล้องอาจทำให้ได้รูปสวย แล้วไม่มีใครซื้อหนังสือภาพของเค้ามั้งครับ (หัวเราะ) อย่างที่สองคือเค้าระวังเรื่องการเข้าไปในอาคารมากขึ้น นักท่องเที่ยวต้องสวมถุงพลาสติกครอบรองเท้าอีกที เพื่อไม่ให้พื้นรองเท้าเสียดสีกับพื้นหินอ่อน ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างนึงคือ สมัยไปครั้งแรกๆ ผมถ่ายภาพด้านในได้หมดเลย ได้เก็บภาพทัชมาฮาลที่ขึ้นชื่อมากเรื่องการสลักหินอ่อนและมีการฝังหยกเป็นลวดลายดอกไม้ สวยงามมาก ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ่ายภาพด้านในไม่ได้แล้ว
นอกจากทัชมาฮาลที่คุณไพศาลไปเที่ยวมาเป็นสิบๆ ครั้งแล้ว ทราบมาว่าทริปล่าสุดนี้ คุณไพศาลซื้อทริปดูเสือเพิ่มเข้ามาด้วย อยากรบกวนให้เล่าถึงทริปพิเศษนี้หน่อยค่ะ
ผมจองทริปนี้ล่วงหน้าไปจากเมืองไทย เพราะถ้าไปซื้อแบบวอล์กอินที่อินเดีย ราคาจะแพงมาก ปกติคนละสองหมื่นบาท ถ้าไปซื้อที่นั่นก็จะเพิ่มขึ้นเยอะ
จากนั้นผมก็เดินทางไปถึงอินเดียก่อนเพื่อนร่วมคณะในทริปปกติประมาณ 2-3 วัน เพื่อไปดูเสือ โดยคำนวณวันให้จบทริปดูเสือก็ไปเข้ากับคณะที่ชัยปุระได้พอดี
สำหรับสถานที่ที่ผมไป เดิมเป็นเขตล่าเสือของกษัตริย์สมัยโบราณ ตอนนี้เป็นอุทยานแห่งชาติรันทัมบอร์ (Ranthambhore) อยู่ไม่ไกลจากชัยปุระนัก จะว่าไปแล้ว ในอินเดียมีแหล่งดูเสือหลายแห่งครับ แต่รันทัมบอร์เป็นแหล่งดูเสือที่มีชื่อเสียงระดับโลก
วิธีไปดูเสือของเราคือนั่งรถของอุทยานฯ เข้าไป เป็นรถหกล้อ ซึ่งทางอุทยานฯ จัดที่นั่งวางไว้บนกระบะรถ นั่งได้ประมาณสิบกว่าคน เบียดกันมาก คือนั่งแถวละหกหรือแปดคนเลยล่ะครับ แทบจะถ่ายภาพไม่ได้เลย พูดง่ายๆ ว่าคนนั่งตรงกลางหมดสิทธิ์ วันต่อมาผมจึงขอเปลี่ยนเป็นรถจี๊ป นั่งกัน 4-6 คน ก็เลยถ่ายภาพได้
ผมใช้เวลา 3 วัน 2 คืนกับการเข้าๆ ออกๆ อุทยานฯ คืออุทยานฯ คิดค่าใช้จ่ายเป็นรอบ รอบนึงใช้เวลาครึ่งวัน ในที่สุดก็ได้เห็นเสือโคร่งเบงกอล บางคนมาทั้งทริปไม่เห็นเสือเลยก็มี เนื่องจากว่าในพื้นที่ที่กว้างมากนี่มีเสืออยู่ประมาณ 30 กว่าตัวเท่านั้นเอง
เสือที่ผมเห็น มันเดินอยู่บนถนนสบายๆ แบบไม่กลัวใคร จากนั้นมีรถอีกคันมาถึง นักท่องเที่ยวส่งเสียงดังโวยวาย คงเป็นอารมณ์ประมาณว่าดีใจที่ได้เห็น แต่เสือตกใจหนีเข้าป่าไปเลยครับ (หัวเราะ)
ด้วยความที่รันทัมบอร์เป็นแหล่งดูเสือระดับโลก จำนวนรถที่เข้าไปในอุทยานฯ จึงมีเยอะมาก รถแต่ละคันก็ขับตามๆ กันไป โอกาสที่จะได้เจอเสือนั้นอยู่ที่คนชี้เป้า เพราะเขารู้เวลาว่าเสือจะลงมากินน้ำกี่โมง และลงมาตรงไหน
:: นอกจากการไปดูเสือ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของการไปเที่ยวอินเดีย คุณไพศาลยังมีสถานที่อื่นที่เพิ่งเคยไปไหมคะ ::
มีครับ ครั้งนี้ผมไปที่เมืองออร์ชา (Orcha) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทัชมาฮาลนัก ต้องนั่งรถไฟไป 2-3 ชั่วโมง แล้วนั่งรถยนต์ต่อ ที่นี่เป็นเมืองเก่าที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ มีขนาดเล็ก น่ารัก เดินไม่กี่ชั่วโมงก็รอบแล้ว แม้จะเป็นเมืองมรดกโลก แต่นักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะ เรียกได้ว่าเป็นเมืองคลาสสิกเลยล่ะครับ ชาวเมืองก็มีไม่มาก เค้าอยู่กันแบบเงียบๆ สบายๆ ไม่ค่อยมีชาวบ้านมาตื๊อให้เราซื้อของหรือพาไปโน่นไปนี่เหมือนที่อื่นๆ ในอินเดีย แล้วก็เป็นเมืองที่ไม่สกปรก ปลอดภัย ตอนกลางคืนเราออกมาเดินเล่น ได้เห็นชาวบ้านเข้าไปในวัดฮินดู แต่เราถ่ายภาพด้านในวัดไม่ได้ครับ
จากนั้นก็ไปที่เมืองคาชูระโฮ (Khajuraho) มีเทวสถานหลายสิบหลัง แต่ละหลังมีรูปแกะสลักอลังการใหญ่โต นี่ก็เป็นเมืองมรดกโลกเหมือนกัน
อีกสถานที่หนึ่งซึ่งผมเพิ่งเคยไป คือถ้ำเอลโรลา (Elora Cave) เป็นเขาแกรนิตที่ถูกเจาะเข้าไปข้างใน สลักเป็นเรื่องราวของสามศาสนา คือ พุทธ ฮินดู และเชน รูปสลักยังสมบูรณ์และสวยมากครับ
จริงๆ แล้วอินเดียยังมีอะไรให้ดูอีกเยอะ ซึ่งถ้ามีโอกาสเหมาะ ผมก็จะไปอีก (หัวเราะ) เพราะถ่ายรูปเพลินมากครับ