top of page

บทสัมภาษณ์

เยือนกรีนแลนด์ ดินแดนขั้วโลกเหนือ

 

      การเดินทางยาวไกลสู่หลากหลายดินแดนในโลกนี้ ล้วนสร้างประสบการณ์และเปิดมุมมองต่อโลกให้กว้างและกระจ่างยิ่งขึ้น ดังนั้นนักแรมทางจึงไม่เคยหยุดอยู่ที่ใดเนิ่นนาน เมื่อมีโอกาสก้าวออกไปสู่อีกดินแดนนอกบ้าน พวกเขาไม่เคยปฏิเสธการเดินทางอีกครั้งของชีวิต เหตุผลหนึ่งนั้นก็คือ เพื่อเก็บเกี่ยวเรื่องราวและภาพถ่ายไว้เป็นดั่งบันทึกประวัติศาสตร์ของตนเอง

      ช่วงฤดูร้อนแสนอบอ้าวของเมืองไทย คุณไพศาล เจริญจรัสกุล เดินทางข้ามทวีปสู่ดินแดนสุดขั้ว ทั้งด้านที่ตั้ง สภาพอากาศ และวิถีชีวิต ที่นั่นเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ถึง 2,175,900 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นดินแดนที่มีผู้คนอาศัยอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุด

      ที่นั่นคือกรีนแลนด์

 

 :: พูดถึงกรีนแลนด์ซึ่งอยู่ไกลถึงขั้วโลกเหนือ หลายๆ คนจะนึกถึงการเดินทางยาวนานและยากลำบาก อยากให้คุณไพศาลช่วยเล่าถึงการเดินทางหน่อยค่ะ ::

      พูดถึงเรื่องไกลก็ไกลจริงๆ ครับ แต่นับว่าค่อนข้างสะดวก คือเราบินไปลงที่โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก แล้วก็อยู่เที่ยวโคเปนเฮเกน 2-3 วัน จากนั้นจึงบินต่อไปที่เมืองคังเกอรุสซวก (Kangerlussuag) ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางการบินของกรีนแลนด์

      กรีนแลนด์มีพื้นที่ราบไม่เยอะ ส่วนใหญ่เป็นภูเขา สำหรับเมืองคังเกอรุสซวกมีที่ราบมากพอสำหรับสร้างสนามบิน เครื่องบินใหญ่ทุกลำจึงต้องมาลงที่นี่ เราพักที่เมืองนี้คืนนึง ที่พักมีบรรยากาศคล้ายๆ โรงเรียนกินนอน สมัยก่อนเมืองนี้เป็นพื้นที่สำหรับวิจัยของหน่วยงานระดับชาติ ก็เลยมีคนมาตั้งถิ่นฐานประมาณหนึ่ง

      กรีนแลนด์ไม่มีถนนนะครับ เพราะไม่รู้จะสร้างยังไง เนื่องจากด้านล่างเป็นน้ำหมด ส่วนใหญ่จะใช้เครื่องบินในการเดินทางระหว่างเมือง หรือใช้สุนัขลากเลื่อนก็มี

      จากเมืองคังเกอรุสซวก เรานั่งเครื่องบินไปยังเมืองอื่นต่อ พอไปถึงเมืองอื่น ขนาดเครื่องบินก็จะเล็กลง จากเมืองหลักที่เครื่องบินใหญ่ลงได้ ก็กลายเป็นเครื่องบินเล็ก ขนาด 20 ที่นั่ง หรือ 40 ที่นั่ง แล้วแต่ว่าจำนวนคนมากน้อยแค่ไหน

      สนามบินแต่ละแห่งมีบริษัทขายทัวร์มาเช่าพื้นที่ พอเราลงจากเครื่องบิน ก็จะมีคนมาเสนอขายทัวร์ เช่น ไปดูแสงเหนือ กลาเซียร์ ไหนๆ มาแล้ว เราก็เลยอยู่ที่เมืองอิลูลิสแซต (Ilulissat) สัก 2 คืน เจ้าหน้าที่บริษัททัวร์ก็พาเราเที่ยว

      วันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางต่อไปอีกเมืองนึง โดยขึ้นเครื่องบินไป บินประมาณ 2 ครั้ง เมืองส่วนใหญ่เป็นเมืองติดทะเล เพราะว่าถ้าลึกเข้าไปจากชายทะเลจะเป็นน้ำแข็ง ไม่เอื้อต่อการอยู่อาศัย ชุมชนต่างๆ อยู่ห่างจากชายทะเลก็แค่ 2-3 กิโลฯ หรือบางเมืองก็ลึกเข้าไปประมาณ 10 กิโลฯ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำประมง แต่ละเมืองนี่ต้องบอกว่าสวย มีคนอยู่ไม่เยอะ

 :: ไฮไลต์ของกรีนแลนด์คืออะไรคะ ::

      คนไปกรีนแลนด์ส่วนใหญ่จะไปทำกิจกรรม 3 อย่าง คือ ล่องเรือดูไอซ์เบิร์ก นั่งสุนัขลากเลื่อน และลงเรือไปเที่ยวตามเกาะ อ้อ! อีกอย่างนึงคือไปดูแสงเหนือ หรือออโรร่า

      ในส่วนของทัวร์แสงเหนือ มีเมือง 2 เมืองอยู่ใกล้เส้นอาร์กติก คือ คังเกอรุสซวกและสิสิมิอุต (Sisimiut) เวลาไปเดินเที่ยวตอนกลางคืนก็มีโอกาสเห็นแสงเหนือแล้ว บางทีอยู่หน้าโรงแรมก็เห็นได้ไม่ยาก ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ชั่วโมงกว่าๆ เองนะ ภาพแสงเหนือที่ผมถ่ายได้ ถ่ายจากโรงแรมตอนประมาณตีสอง พอดีคุณหน่อย (ดวงดาว สุวรรณรังษี) นอนไม่หลับ นั่งเลือกรูปอยู่แล้วเปิดหน้าต่างเห็นแสงเหนือพอดี ก็เลยมาเคาะประตูห้องเรียกผมให้ออกไปดู

      แสงเหนือจะเกิดราวๆ เที่ยงคืนครึ่งจนถึงตีสอง เลยจากนี้เริ่มมีแสงอาทิตย์ก็จะมองไม่เห็นแล้ว การดูแสงเหนือต้องเป็นเวลาที่ฟ้ามืดสนิท อาจมีดวงดาวอยู่บนฟ้าบ้างก็ได้ แสงเหนือบางช่วงมีสีแดงด้วยนะ สำหรับแสงสีเขียวนี่ยืนพื้นอยู่แล้ว

      นอกจากนี้ กรีนแลนด์ยังมีชื่อเรื่องธารน้ำแข็ง ก้อนน้ำแข็งที่เรือไททานิกแล่นไปชนจนเรือจมก็ไหลไปจากกรีนแลนด์นี่แหละครับ

      สำหรับการล่องเรือ ทริปนี้ผมไปล่องเรือ 2-3 ครั้ง เป็นการล่องไปขึ้นเกาะ ได้ไปชมวิถีชีวิตชาวบ้านซึ่งอยู่กันอย่างสมถะ บรรยากาศบนเกาะไม่มีต้นไม้ ดูหนาวๆ เหงาๆ แต่อาหารการกินไม่ขาดแคลนนะครับ เขาจะมีเรือลำใหญ่ เป็นของบริษัท Royal Greenland ซึ่งดูเหมือนผูกขาดตั้งแต่สายการบินมาเลย เรือสีแดงของ Royal Greenland จะมาจอดเทียบท่า เอาผักผลไม้มาส่งในเมือง

      ที่น่าแปลกที่สุดคืออาหารไทยเป็นเบอร์หนึ่งของที่นั่น กรีนแลนด์นิยมอาหารไทยที่สุด พ่อครัวแม่ครัวเป็นคนไทยนะครับ คนไทยไปอยู่แล้วมีความสุข เพราะสวัสดิการดี โรงเรียนดี ผมเจอหลายคน คิดว่าคนไทยในกรีนแลนด์ทั้งหมดน่าจะมีเป็นพันคนเหมือนกันนะ ถึงแม้รอบด้านจะมีแต่น้ำแข็ง แต่เขาก็อยู่ด้วยความเคยชิน แล้วก็ได้อยู่กับครอบครัว ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศก็ข้ามไปเที่ยวไปช็อปปิ้งที่เดนมาร์ก

      พอเจอร้านอาหารหารไทย เราก็เลยได้กินแกงเขียวหวานวาฬ เนื้อวาฬคล้ายๆ ปลาสวาย คือมีความมันนิดๆ แล้วยังได้กินยำเนื้อ

กวางเรนเดียร์ อร่อยดี ฝีมือเขาใช้ได้เลย

      ร้านอาหารไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบทั้งหมดจากเมืองไทย ค่าอาหารจึงสูงมาก ค่าครองชีพก็สูงมาก สำหรับคนไทย ถ้าจะไปเที่ยวกรีนแลนด์ต้องมีเงินราวสองแสนบาท ไปแล้วต้องซื้อทัวร์ ส่วนค่าโรงแรม ถ้าเป็นระดับดีๆ คืนนึงก็ประมาณหมื่นนึง เราต้องไปเที่ยวเองก็ต้องจ่ายราคาสูงแบบนี้ เนื่องจากไม่มีบริษัทนำเที่ยวในเมืองไทยจัดทริปกรีนแลนด์ขายน่ะครับ

 :: มีคนพูดกันขำๆ ว่าชื่อกรีนแลนด์น่าจะมีพื้นที่สีเขียว แต่กลับขาวโพลนด้วยหิมะ หาพื้นที่สีเขียวได้น้อยมาก คุณไพศาลไปเห็นพื้นที่จริงแล้ว มีพื้นที่สีเขียวมากน้อยแค่ไหนคะ ::

      พื้นที่สีเขียวไม่เยอะครับ พออากาศเริ่มอุ่นจะมีดอกหญ้า มีดอกไม้ ขึ้นแซมบนหินบ้าง ช่วงอากาศอุ่นจะมีไลเคนสีส้มขึ้นอยู่บนก้อนหินเยอะมาก สีตัดกันระหว่างน้ำแข็งกับไลเคนที่ขึ้นบนก้อนหิน ดูแปลกตาดี

      แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าทางด้านใต้ของกรีนแลนด์เริ่มมีการปลูกผักได้แล้ว เพราะภาวะโลกร้อนไงครับ พอน้ำแข็งละลาย พื้นดินเริ่มโผล่ ทีนี้ เดนมาร์กก็เริ่มหวงพื้นที่ เริ่มเข้มงวดกับคนที่เดินทางเข้าประเทศ แล้วอีกอย่างที่ทำให้เดนมาร์กให้ความสำคัญกับกรีนแลนด์มากขึ้น คือเริ่มเจอน้ำมันแล้ว

ทริปนี้คุณไพศาลประทับใจอะไรบ้างคะ

      ตอนไปเดินในอุทยานแห่งชาติ มองไปทางไหนก็มีแต่น้ำแข็ง ก้อนเบ้อเร่อเลย ไอซ์เบิร์กใหญ่ขนาดตึกสูง 10-20 ชั้น มันยิ่งใหญ่มาก เมื่อเรือท่องเที่ยวเข้ามาเทียบก็เหลือแค่ลำเล็กนิดเดียว สำหรับนักถ่ายภาพ เราได้ภาพที่ถือว่าคุ้มมาก มีท้องฟ้าสีสด น้ำแข็งก้อนโตๆ แล้วก็มีน้ำแข็งที่แตกกระจายเป็นองค์ประกอบ

      ในช่วงสุดท้าย จากเมืองนึงไปอีกเมือง เรานั่งเรือ ค้างคืนในเรือ ระหว่างทางที่เรือผ่านสถานที่ต่างๆ เราจะถ่ายรูปวิวสวยๆ พอ

เรือจอดเทียบท่าให้คนขึ้นลงประมาณชั่วโมงนึง ผมลงไปเดินเล่น เจอเด็กนักเรียนชาวอินูอิตมาทักทาย หน้าตาเหมือนคนไทยเลย ก็เป็นเรื่องที่ประทับใจอีกเรื่องนึง

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page