
บทสัมภาษณ์
ล่องเรือสำราญอะแลสกา เวลาแห่งความสุขในดินแดนอาบหิมะ
ไกลโพ้นขึ้นไปเกือบถึงขั้วโลกเหนือ คือที่ตั้งของแผ่นดินมหัศจรรย์ นาม “อะแลสกา (Alaska)” มลรัฐที่ 49 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งงด งามไปด้วยทิวทัศน์หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เส้นทางเลียบชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ เข้าไปสู่เส้นทางเดินเรือที่เรียกกันว่า Inside Passage อันเป็นเส้นทางที่เรือสำราญขนาดใหญ่ใช้ล่องพานักท่องเที่ยวนับพันนับหมื่นเข้าไปสัมผัสความงดงามของเกาะแก่งและชายฝั่งหยึกหยัก รวมถึงธารน้ำแข็งขาวโพลนสะอาดตา
คุณไพศาล เจริญจรัสกุล นักแรมทางตัวจริงของเราก็ได้เดินทางล่องเรือสำราญในอะแลสกามาแล้วถึง 2 ครั้ง นั่นแสดงว่าอะแลสกามีความพิเศษไม่น้อยสำหรับนักเดินทางที่หลงใหลในธรรมชาติ
:: อะแลสกาอยู่ไกลถึงซีกโลกเหนือ การเดินทางไปถึงที่นั่นต้องใช้เวลามากแค่ไหนคะ ::
ขณะนี้พูดได้ว่าสะดวกขึ้นมากแล้วครับ เพราะเราสามารถขึ้นเครื่องบินของสายการบินไชน่า แอร์ไลน์ส บินตรงจากไทเป ไต้หวัน ไปถึงแองเคอเรจ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของอะแลสกาได้เลย สมัยก่อนต้องบินไปลงที่แวนคูเวอร์ แคนาดา หรือซีแอตเทิล หรือจุดใดจุดหนึ่งของอเมริกา ซึ่งเสียเวลารอต่อเครื่องบินนานมาก แล้วยังเสียเวลาบินอ้อม ใช้เวลารออย่างน้อย 10 ชั่วโมง แต่เดี๋ยวนี้ เมื่อบินไปถึงไต้หวัน เรารอต่อเครื่องอีกแค่ 2-3 ชั่วโมง แล้วไปแองเคอเรจ ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ
:: ทำไมคุณไพศาลแล้ว อะแลสกามีดีตรงไหนคะ ::
อะแลสกาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและหลากหลายครับ วิธีเที่ยวก็มีทั้งขับรถเที่ยว นั่งรถไฟเที่ยว และล่องเรือสำราญ ปีหนึ่งๆ จะเที่ยวได้ราวๆ ครึ่งปีเท่านั้น คือช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนกันยายน เพราะหลังจากนี้แล้วเป็นช่วงฤดูหนาว ซึ่งหิมะจะปกคลุมเต็มไปหมดและอากาศหนาวมาก
อย่างทริปที่ผมไป เป็นการล่องเรือสำราญ ซึ่งเส้นทางสายอะแลสกานี่ถือว่าเป็นเส้นทางล่องเรือที่ดีที่สุดในโลก โดยล่องจากแองเคอเรจไปจนถึงเมืองแวนคูเวอร์ แคนาดา เรือจะแล่นตอนกลางคืน พอถึงตอนเช้าก็จอดแวะเมืองต่างๆ ให้เราลงไปเที่ยว ซึ่งแต่ละเมืองจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจ เช่น เคตชิแกนเป็นเมืองหลวงของปลาแซลมอน จูโน เมืองหลวงของอะแลสกา มีทิวทัศน์สวยงามด้วยธารน้ำแข็ง เมืองสแกกเวย์ มีเรือนไม้สีสวยเรียงราย สะท้อนบรรยากาศในยุคตื่นทอง เป็นต้น
ส่วนใหญ่แล้วคนที่ไปล่องเรือสำราญจะเริ่มต้นที่เมืองแองเคอเรจ บางคนบินไปถึงล่วงหน้า 4-5 วัน แล้วไปเช่ารถขับเที่ยว หรือขึ้นเหนือไปแฟร์แบงก์ ซึ่งที่นั่นมีเส้นทางท่องเที่ยวด้วยรถไฟที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ จัดขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ หลังคารถไฟเป็นกระจก ดูวิวได้เต็มตาเลยล่ะครับ
:: การซื้อทริปล่องเรือสำราญนี่เริ่มจากเมืองไทย หรือว่าต้องไปซื้อที่อะแลสกาคะ ::
ซื้อไปจากเมืองไทยเลยก็สะดวกดีครับ เดี๋ยวนี้หลายบริษัทต่างชาติที่จัดทริปล่องเรือสำราญอะแลสกามาตั้งออฟฟิศในเมืองไทย เราสามารถไปหาข้อมูลจากเขาได้ หรือจะขึ้นเครื่องบินไปเอง แล้วไปซื้อทัวร์ที่อะแลสกาก็ได้เหมือนกัน
:: จุดเด่นที่สุดของเส้นทางล่องเรือสำราญในอะแลสกาคืออะไรคะ ::
ช่วงเช้าของทุกวันครับ เพราะเรือจะเลาะเข้าไปในกลาเซียร์ เป็นช่วงที่แสงอาทิตย์ตอนเช้ากระทบกับภูเขาที่มีหิมะปกคลุม ทำให้เกิดเงาสะท้อน สวยงามมาก
นอกจากนั้น ระหว่างทางเรายังได้แวะตามเมืองต่างๆ ที่มีประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวของยุคบุกเบิกที่มีผู้คนหลั่งไหลมาขุดทอง หรืออย่างบางจุด พอลงจากเรือปั๊บก็ขึ้นรถไฟไปเที่ยวต่อได้เลย หรือจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปเดินบนธารน้ำแข็ง ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ ซึ่งการเที่ยวแบบนี้ถือเป็นออปชัน ต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ถ้าใครไม่ซื้อออปชันทัวร์ก็เดินเล่นอยู่ในเมือง ซึ่งมีอะไรให้เดินดูเยอะเลยทีเดียว
:: ช่วงเวลาที่ต้องอยู่บนเรือ 7-8 วันเป็นยังไงบ้างคะ ::
สนุกครับ เหมือนเราอยู่ในเมืองเมืองหนึ่งเลยล่ะ แล้วในเรือนี่มีนักท่องเที่ยวราวๆ 2,600 คน รวมพนักงานอีกประมาณ 1,500 คน พูดได้ว่าไม่เหงาเลย แถมยังมีกิจกรรมให้ทำเยอะ เช่น คาสิโน ดูโชว์ ซึ่งไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละคืน อาหารก็มีเสิร์ฟ 24 ชั่วโมง
บนเส้นทางล่องเรือไม่ได้มีแต่เรือของเรา ยังมีเรือสำราญลำอื่นๆ อีกหลายลำ มีการผลัดเปลี่ยนนักแสดงจากเรือลำอื่นมาแสดงในเรือของเราด้วยนะครับ
:: นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยไหนคะ ::
คนแก่ มีเยอะมากเลย (หัวเราะ) คงเป็นเพราะว่าได้เที่ยวแบบเพลินๆ ไม่เหนื่อยมาก ค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากนะครับ เฉลี่ยแล้ววันหนึ่งไม่กี่ตังค์ แล้วเดี๋ยวนี้หลายบริษัทที่จัดทริปล่องเรือสำราญอะแลสกาลดเส้นทางลง ทำให้ลดราคาลงได้มาก หลายคนก็เลยมีโอกาสได้เที่ยวเรือสำราญ จากเมื่อก่อนราคาหลักแสน เดี๋ยวนี้อยู่ที่หลักหมื่นแล้วครับ
ได้ยินราคาแล้วก็น่าจะทำให้ความฝันในการเดินทางไปเยือนอะแลสกา อีกหนึ่งดินแดนมหัศจรรย์ของโลก มีโอกาสกลายเป็นความจริงยิ่งขึ้น...ใช่ไหมคะ
