
บทสัมภาษณ์
เยือนเมืองโมซาร์ท อิ่มบรรยากาศสุดคลาสสิก
ข้ามฟ้าไปยังยุโรป อีกทวีปหนึ่งของโลก ณ ดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่งดงามด้วยภูมิทัศน์ของขุนเขาสูง ดอกไม้สวย และอาคารบ้านเรือนที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมเก่าแก่ได้อย่างเยี่ยมยอด “ออสเตรีย” คือส่วนหนึ่งของดินแดนนี้ ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักแรมทางทั่วโลกมายาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่หลงใหลในบทเพลงสุดคลาสสิกที่ประพันธ์โดยโมซาร์ท คีตกวีผู้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเมืองซาลส์เบิร์ก สำหรับผู้ชมที่ยังจดจำภาพทิวทัศน์สวยตระการตาจากภาพยนตร์ชื่อก้องโลก “The Sound of Music” ได้ เมื่อมีโอกาส ก็ไม่มีใครยอมพลาดการเดินทางไปพบพานภาพจริง ซึ่งสัมผัสความงดงามได้มากกว่าสองตาเห็นนับร้อยนับพันเท่า
เช่นกัน...คุณไพศาล เจริญจรัสกุล ไม่ปล่อยให้โอกาสที่จะได้สัมผัส รับรู้ เก็บความทรงจำจากการเยือนยุโรปหลุดลอยไป โดยนักแรมทางรุ่นใหญ่ของเราจัดสรรเวลาหลังจากการติดต่อธุรกิจที่เยอรมนี เพื่อไปเยือนออสเตรียได้อย่างลงตัว
:: ทราบมาว่าเที่ยวยุโรปทริปนี้ คุณไพศาลเริ่มต้นจากที่แฟรงก์เฟิร์ต เพราะอะไรถึงไปเริ่มที่นั่นคะ ::
ผมไปดูงานที่แฟรงก์เฟิร์ตครับ พอเสร็จจากงานก็ไปจอยน์กับคณะที่เดินทางไปจากเมืองไทย นัดเจอเขาที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ตตอนเช้า จากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง รถที่เรานั่งจากแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี ก็เข้าออสเตรีย แบบที่เราแทบไม่รู้ตัวว่าข้ามประเทศมาแล้ว
เราผ่านเยอรมนีเข้าซาลส์เบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของออสเตรีย จากเมืองนี้ เราจะเริ่มท่องเที่ยวแบบเส้นทางวงรอบ ออสเตรีย-ฮังการี-โปแลนด์-เช็ก แบบสบายๆ ใช้เวลาทั้งทริป 12 วัน
:: ตอนนี้เราคุยเฉพาะเรื่องออสเตรียนะคะ เริ่มที่เมืองซาลส์เบิร์กก่อนเลยค่ะ ::
เมืองนี้เป็นเมืองที่น่าสนใจครับ หนึ่ง เพราะเป็นเมืองของโมซาร์ท นักแต่งเพลงชื่อก้องโลก และสอง เป็นฉากถ่ายทำของภาพยนตร์ชื่อดังคือ The Sound of Music สำหรับคนรุ่นผมนี่เวลาไปชมสถานที่ต่างๆ ในเมืองนี้ ก็ทำให้เรานึกเชื่อมโยงไปถึงฉากในหนังได้เลย และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คนมาเที่ยวที่เมืองซาลส์เบิร์กมากมาย บรรยากาศในเมืองจึงคึกคัก มีนักท่องเที่ยวเยอะแยะ
สำหรับที่มาของชื่อ “ซาลส์เบิร์ก” ซึ่งหมายถึงปราสาทเกลือนั้น ต้องบอกว่าทุกวันนี้แทบไม่เหลือภาพความเป็นเมืองแห่งเกลือแล้วครับ
ถัดจากซาลส์เบิร์ก ในวันแรกนี้เราแวะเที่ยวเมืองเล็กๆ ตามรายทาง พอวันถัดมาก็ไปเยือนเมืองคาพรุน เมืองนี้เป็นที่ตั้งของเขื่อนผลิตไฟฟ้าที่มีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ธรรมชาติรอบเขื่อนสวยมาก มีเส้นทางเดินเข้าไปชมธรรมชาติด้วย แต่เรามีเวลาค่อนข้างจำกัด จึงไม่ได้เดินเข้าไป
:: ทราบมาว่าบนเส้นทางท่องเที่ยวทริปนี้ คุณไพศาลได้ผ่านไปบนถนนอัลไพน์ที่โด่งดังมาก รบกวนเล่าบรรยากาศของเส้นทางนี้หน่อยค่ะ ::
เส้นทางอัลไพน์นี้คือถนนกรอสสกลอคเนอร์ ไฮก์ อัลไพน์ ซึ่งมีหิมะตลอดทั้งปี ย้อนไปนิดนึงว่า ก่อนที่จะขึ้นไปบนเขาอัลไพน์ เราพักค้างคืนกันตรงเชิงเขาในที่พักที่มีลักษณะกึ่งรีสอร์ต ความน่าสนใจคือมีต้นไม้เยอะ เขียวชอุ่ม พอเช้าวันต่อมา เราก็นั่งรถลัดเลาะขึ้นไปตามถนนสายโบราณที่สร้างมาตั้งแต่ ค.ศ. 1930 ถนนเส้นนี้มีความยาวประมาณ 48 กิโลเมตร คดโค้งหักศอกพอสมควรเลยทีเดียว จนกระทั่งรถขึ้นไปถึงจุดที่เป็นไฮไลต์ของเส้นทางนี้ ทั้งสองฟากเต็มไปด้วยหิมะ ดูสวยงามมาก
:: ออกจากถนนสายอัลไพน์ คณะไปพักที่เมืองไหนคะ ::
เราไปที่ฮัลสตรัท ซึ่งเป็นเมืองริมทะเลสาบ และเป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก น่าสนใจตรงที่เป็นเมืองเก่าแก่ อายุประมาณ 4,500 ปี แต่ตึกเก่าๆ ไม่ค่อยมีแล้วครับ จะมีก็แต่โบสถ์เก่าๆ หลังสองหลัง ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่สร้างขึ้นใหม่แบบชาเล่ต์ โดยสร้างสลับซับซ้อนลดหลั่นไปตามแนวหน้าผาริมทะเลสาบ มีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยือนเมืองฮัลสตรัท ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนนี่เยอะมาก
:: ดูจากโปรแกรมการเดินทางแล้ว คุณไพศาลจบทริปออสเตรียที่เมืองหลวง เวียนนา บรรยากาศเมืองนี้เป็นยังไงคะ ::
เวียนนาเป็นเมืองน่าอยู่ติดอันดับต้นๆ ของโลก ซึ่งบรรยากาศและความสวยงามของเมืองก็สมกับที่ได้รับการจัดอันดับครับ เมืองสงบเงียบ โรแมนติก เป็นเมืองดนตรีก็ว่าได้ แล้วก็เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีสีสัน แต่ไม่ค่อยทันสมัย เรียกว่าคลาสสิกนั้นเหมาะที่สุดแล้ว
เราเที่ยวชมเมืองรอบๆ เวียนนา แล้วก็แวะเข้าพระราชวังเชินบรุนน์ ซึ่งมีสถานที่กว้างมาก ทุกวันนี้ถูกใช้เป็นที่ทำการรัฐบาล ไม่ค่อยมีต้นไม้เท่าไหร่ ส่วนใหญ่เป็นที่โล่ง แต่สวยด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่และสวนหย่อม ด้วยความที่สถานที่กว้างมาก กว่าเราจะเดินไปถึงตัวอาคารก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร และเนื่องจากเวลาจำกัด สำหรับผม การถ่ายภาพจึงทำได้แค่ซูมถ่ายภาพจากที่ไกลๆ ครับ
