top of page
Misty Woodland

ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์

บทความ

‘ซันชิงซาน’...ความสงบในสายหมอก

ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์...เรื่อง

คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ

      ภูเขาซันชิงซานและอาณาบริเวณข้างเคียงได้รับการรับรองว่าเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติล่าสุดของประเทศจีนจากองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2551 ที่ผ่านมา หลังจากนั้น ข่าวเกี่ยวกับความงดงามของขุนเขา แมกไม้ และความสงบร่มรื่นของธรรมชาติตามหมู่บ้านที่รายล้อมเชิงเขา รวมทั้งการคงความเป็นหมู่บ้านชนบทที่เรียบง่ายในวิถีทางของการดำเนินชีวิตที่ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ ก็ได้รับการแพร่กระจายแบบปากต่อปาก จนในปัจจุบันนักท่องเที่ยวก็เริ่มหลั่งไหลไปเยี่ยมชมความงามมากขึ้น

      ภูเขาซันชิงซานตั้งอยู่ในมณฑลเจียงซี ทางตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นบริเวณที่ต่อกับมณฑลอานฮุย ในอาณาบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นที่ตั้งของภูเขาหวงซาน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นภูเขาที่มีความสวยงามเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน การจะเดินทางไปเยี่ยมชมภูเขาซันชิงซาน ที่สะดวกที่สุดนั้น สามารถใช้บริการของสายการบินไปลงสนามบินหวงซานที่อยู่ใกล้กัน และเป็นสนามบินที่อยู่ใกล้กับเมืองเก่าถุนซี เมืองเก่าริมแม่น้ำที่มีเสน่ห์ตรงถนนโบราณกลางใจกลางเมือง อันมีชื่อว่า “ถุนซีเหล่าเจีย” สร้างมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง การได้เดินเข้าไปในเมืองโบราณถุนซีนั้นเหมือนได้เดินย้อนยุคไปเกือบพันปี และเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเยี่ยมชมเมืองโบราณในประเทศจีน

      จากเมืองถุนซี การเดินทางไปยังอาณาบริเวณของหมู่บ้านที่อยู่รอบเขา ซันชิงซานซึ่งเป็นกลุ่มของหมู่บ้านโบราณในอำเภออู้หยวนนั้น ทำได้ง่ายมากโดยใช้ทางหลวงที่กว้างขวาง เมืองโบราณเหล่านี้ยังคงอนุรักษ์การดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายมาตั้งแต่อดีต มีหมู่บ้านมากมายในอำเภออู้หยวนที่ตั้งอยู่รายรอบภูเขาซันชิงซาน และลักษณะที่คล้ายกันอย่างหนึ่งของเมืองโบราณเหล่านี้คือ ตั้งอยู่ติดกับริมน้ำ หรือมีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่านกลางหมู่บ้าน

      การเกษตรเป็นหัวใจหลักของการดำเนินชีวิตในหมู่บ้านที่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกแห่งภูเขาซันชิงซาน หากใครได้ไปเยี่ยมชมในช่วงเวลาที่ดอก

ซันซิงซาน_1012.JPG

โหยวไช่ฮวา หรือดอกน้ำมัน Rape Seed บานสะพรั่งในช่วงต้นเดือนเมษายนแล้ว ก็จะได้เห็นภาพของต้นพืชน้ำมันออกดอกสีเหลืองอร่ามตัดกับต้นและใบที่เป็นสีเขียวสดเต็มทั่วท้องทุ่ง เมื่อผสมรวมกับความงามของหมู่ บ้านเรือนที่ยังคงลักษณะของบ้านโบราณที่ทาสีขาว มีประตูและขอบบ้านเป็นสีดำแล้ว ก็จะได้เห็นภาพงดงามดังได้เดินอยู่ในแดนสวรรค์เลยทีเดียว

      หมู่บ้านโบราณที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมเยือนนั้นได้แก่หมู่บ้านหลี่เคิ่ง เป็นหมู่บ้านใหญ่ติดกับเชิงเขาซันชิงซาน ภาพแรกที่เห็นเป็นภาพของบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่สองข้างของลำน้ำใสสะอาด มีสะพานไม้เล็กๆ พาดข้ามเป็นระยะๆ ฉากหลังเป็นภาพของขุนเขาซันชิงซานสูงทะมึนตัดกับท้องฟ้าสีครามที่มีเมฆขาวลอยอยู่เบาบาง เป็นภาพแห่งความงามในฝันของนักเดินทางและนักถ่ายภาพที่ต้องกดชัตเตอร์กันเป็นระยะๆ เพื่อบันทึกภาพแห่งความประทับใจซึ่งหาดูได้ยากในปัจจุบัน

ซันซิงซาน_0597.JPG
�ซันซิงซาน_1515.JPG

      เมื่อเดินล่วงลึกเข้าไปในหมู่บ้านก็จะเห็นภาพของการดำเนินชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติ มีภาพของการซักเสื้อผ้าในลำน้ำ ภาพของเนื้อและผักตากอยู่บนราวไม้ไผ่ ภาพของเสื้อผ้าที่ตากแดดอยู่ริมถนน นับเป็นภาพที่มีสีสันสุดจะบรรยาย เมื่อเข้าไปสัมผัสในบ้านแบบโบราณที่มีการแกะสลักไม้โดยรอบหน้าต่างและประตู รวมถึงการตกแต่งแบบสมัยโบราณที่มีสีสันแสนจะสะดุดตา แต่ดูผสมกลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม ก็ทำให้รู้สึกประทับใจจนอยากจะมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง

      เมื่ออิ่มเอมกับภาพของการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายแล้ว ก็เป็นเวลาสมควรที่จะไปหาที่พักบริเวณเชิงเขาซันชิงซาน เพื่อจะได้ไปเยี่ยมชมความงามของขุนเขาที่ได้ชื่อว่ามีความสงบในสายหมอก โดยเฉพาะในยามเช้า

      ซันชิงซานเป็นภูเขาขนาดใหญ่ ประกอบด้วยขุนเขาหลายยอดรวมกัน แต่ละขุนเขามีความงามที่แปลกตาแตกต่างกันไป บางยอดเขาสูงชันเหมือนเป็นกระบี่ที่ส่งปลายขึ้นทะลุฟ้า บางยอดก็มีรูปร่างแปลกตา เหมือนหญิงสาวหันหลังให้ บางยอดก็เป็นยอดเขาสองยอดติดกัน ดูเหมือนคู่รักที่คลอเคลียสาบานรักว่าจะอยู่กันตราบฟ้า

ดินสลาย และยังมีดอกตู้เจียนฮัวเบ่งบานตระการตาอยู่ในพื้นที่กว้างนับพันๆ ไร่ ดอก ไม้ชนิดนี้มีชื่อเรียกน่ารักว่านางพญาฤดูใบไม้ผลิ มังกรเล่นหงส์ นัก พรตไหว้เดือน นางฟ้าเริงลม เป็นต้น

      การขึ้นภูเขาซันชิงซานนั้นสามารถขึ้นกระเช้าได้ทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังเขา แต่ส่วนใหญ่มักนิยมขึ้นทางด้านหน้า กระเช้าด้านหน้าที่อยู่ใกล้เมืองเริ่มให้บริการตั้งแต่สี่นาฬิกาในตอนเช้าสำหรับผู้ที่ต้องการจะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้น เพราะที่พักบนยอดเขาไม่สะดวกเหมือนที่ภูเขาหวงซาน มีเพียงโรงแรมเล็กๆ ระดับสองดาว ส่วนใครที่เป็นนักผจญภัยก็สามารถไปตั้งเต็นท์นอนพักได้ โรงแรมเชิงเขาในบริเวณเมืองเล็กๆ ใกล้ที่ขึ้นกระเช้านั้น มีหลายระดับตั้งแต่สามดาวจนถึงสี่ดาว ทางเดินบนเขาซันชิงซานได้รับการปรับแต่งให้เดินสะดวก แต่ผู้ที่คิดจะเดินชมความงามของขุนเขานี้ต้องมีความพร้อม เนื่องจากระยะทางเดินค่อนข้างไกล และหลายช่วงทางเดินจะสูงชันมาก ต้องอาศัยกำลังขาที่แข็งแรง หลายช่วงเป็นทางเดินลัดเลาะไปตามเหลี่ยมผาที่ใต้เท้าเป็นหุบเหวลึก แต่ความงดงามที่จะได้เห็นจากการเดินชมนั้นยากที่จะบรรยายเป็นตัวอักษร นอกจากมองภาพที่ถ่ายมาให้ชมแทน เพราะมีคำกล่าวว่า ‘ร้อยคำพูด หมื่นคำเขียน ก็สู้ภาพเดียวไม่ได้’

      ภูเขาซันชิงซานมีทิวทัศน์ที่งดงามตระการตาไปด้วยหมู่ยอดเขาสูงเสียดฟ้า หินรูปร่างสวยแปลกตา สายน้ำ ลำธาร และน้ำตกที่ไหลคดเคี้ยว รวมทั้งหุบเขาและช่องเขาแคบแสนสะดุดตา ภาพของแมกไม้ร่มรื่นในหุบเขา ภาพของต้นสนโบราณอายุนับร้อยปีที่ขึ้นอยู่บนหน้าผาสูงชัน ภาพของต้นกุหลาบพันปีท่ามกลางแมกไม้เขียวขจีโดยมีขุนเขาทะมึนอยู่เบื้องหลัง ภาพของทางเดินน้อยที่ดูเหมือนแขวนลอยติดกับหน้าผา เป็นภาพของความงามตามธรรมชาติที่หาดูได้ยากนอกจากเดินทางไปดูเอง

      ทางเดินบนเขานั้นแบ่งเป็นรอบวงเล็ก รอบวงกลาง และรอบ

ซันซิงซาน_1799.JPG

วงใหญ่ ซึ่งจะนำขึ้นสู่ยอดเขาที่มีวัดในลัทธิเต๋า เหมาะแก่ผู้ที่มีศรัทธาแรงกล้า ในเขตทิวทัศน์ด้านตะวันตกมีทะเลเมฆและทะเลหมอกงดงามสุดจะพรรณนา โดยเฉพาะในยามที่ดวงอาทิตย์ใกล้อัสดง จะมีแสงสีทองส่องประกายผ่านเมฆจนย้อมเป็นสีทองท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม

      ไม่ไกลจากภูเขาซันชิงซานคือเมืองจิ่นเต๋อเจิ้น ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเครื่องปั้นดินเผาโบราณ ที่คนไทยรู้จักกันในนาม "เครื่องปั้นดินเผากังไส” ที่มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง มีเตาเผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเครื่องปั้นดินเผาที่ได้ชื่อว่ามีคุณภาพดีที่สุดของจีน เนื่องจากดินที่เรียกกันว่า “เกวลิน” ในบริเวณนี้ เมื่อนำมาปั้นเป็นเครื่องปั้นดินเผาแล้วจะมีความงามและใสเหมือนกระจก

      ใครอยากเที่ยวให้ครบมรดกทางวัฒนธรรมในบริเวณนี้ต้องไปเยี่ยมภูเขาหลูซาน ที่จินตกวีผู้เลื่องชื่อชาวจีนมากหลายได้เดินทางมาเยี่ยมชมความงาม รวมทั้งรังสรรค์กวีนิพนธ์ที่ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันนี้ ภูเขาหลูซานนั้น รถสามารถขึ้นไปได้ มีบ้านพักของท่านประธานเหมาเจ๋อตุงตั้งอยู่ด้วย

      ภูเขาหลูซานเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ พ.ศ. 2539 เป็นศูนย์รวมสำคัญทางวัฒนธรรม การศึกษา การเมือง และศาสนา ที่สำคัญคือมีศาสนาเก่าแก่ 6 ศาสนา คือ พุทธ เต๋า อิสลาม คริสต์นิกายโปรแตสแตนต์ นิกายออร์โธดอกซ์ และนิกายโรมันคาทอลิก มารวมกันในภูเขาเดียว ซึ่งไม่มีที่ใดในโลกที่จะสามารถประสานและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติเช่นที่นี่

      นอกจากนี้ การที่มีทะเลสาบรายรอบภูเขาทำให้อากาศดีตลอดปี ไม่ร้อนจัดและไม่หนาวจัด จึงเป็นสถานที่ตากอากาศที่เป็นที่นิยมมาเนิ่นนาน และยังได้ชื่อว่าเป็นขุนเขาที่มีสายหมอกอยู่เกือบชั่วนาตาปี โดยแต่ละปีจะมีหมอกโดยเฉลี่ย 191 วันเลยทีเดียว

ซันซิงซาน_1059.JPG
�ซันซิงซาน_0895.JPG
ซันซิงซาน_0785.JPG
ซันซิงซาน_1718.JPG

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page