top of page
Misty Woodland

ปริวัฒน์ จันทร

บทความ

มนตราทิเบต เสน่ห์หลังคาโลก : ๑๒ วันแห่งความทรงจำ

คุณปริวัฒน์ จันทร...เรื่อง

คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ

      ทิเบต หรือ ซีจ้าง  (Tibet or Xizang) ดินแดนแห่งพุทธภูมิที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังอันล้ำลึก ด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่สูงประหนึ่งหลังคาของโลก จึงเป็นปราการสำคัญที่ทำให้นักเดินทางทุกคนต้องตระหนักและเตรียมพร้อมทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ ก่อนเดินทางไปเยือนดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

      การเดินทางสู่ทิเบตของคณะเราในครั้งนี้  มีระยะเวลา ๑๒ วัน (วันพุธที่ ๑๖ – วันอาทิตย์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๓) ได้วางแผนเส้นทางเริ่มจากทิเบตฝั่งตะวันออกที่ เมืองหลินจือ (Linzhi or Nyingchi) เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “เจียงหนานแห่งทิเบต” ด้วยมีสภาพภูมิประเทศความสูงเฉลี่ยที่ ๒,๙๐๐ ม.จากระดับน้ำทะเลปานกลาง(รทก.)  อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไพรพนาป่าสนและสายธารอันน่ารื่นรมย์ จึงทำให้มีภูมิอากาศที่อบอุ่นและอยู่สบายที่สุดของทิเบต ซึ่งจะช่วยให้ผู้มาเยือนสามารถปรับระดับความสูงในช่วง ๑-๒ วันแรกได้ดี

IMG_2207.jpg

      จุดหมายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของหลินจือ คือ ทะเลป่าสนแห่งลู่หลาง (Lulang Linhai) บนจุดชมวิวที่ระดับ ๔,๔๕๖ เมตร จะเห็นป่าสนอันอุดมสมบูรณ์ขึ้นเต็มเทือกภูและหุบเขาอันกว้างไกลสุดสายตา รวมทั้ง ยังได้ยล ยอดเขาหิมะนัมจักบราวา (๗,๗๐๘ เมตร) สูงเป็นอันดับหนึ่งของทิเบตตะวันออก ในฤดูกาลเดือนมิถุนายน ดอกอะซาเรียหรือตู้เจวียนฮวา ยังบานสะพรั่งอวดสีสันและความงามตลอดสองข้างทาง นอกจากนี้ หลินจือยังมีอุทยานต้นสนโบราณ อายุกว่า ๒,๖๐๐ ปี ที่ยืนต้นตระหง่านเคียงคู่ต้นสนในรุ่นราวคราวเดียวกันอีกหลายสิบต้น และ วัดลาม่าหลิ่ง (Lama Ling Monastery) วัดนิกายหนิงมะปะ จุดเด่นคือ เป็นวัดสำคัญที่สุดในเขตหลินจือ และมีวิหารรูปทรงแปดเหลี่ยม อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษ

      จากหลินจือมุ่งหน้าสู่นครลาซา บนเส้นทางสาย ๓๑๘ มีระยะทางรวมเกือบ ๕๐๐ กิโลเมตร ระหว่างทาง แวะชม ทะเลสาบบาชงชว่อ Basom Co บนระดับความสูง 3,450 ม.บาชงชว่อเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าสด บนแม่น้ำบาเหอ กลางทะเลสาบมี วัดชว่อจงกงปา Cuo Zhonggongba นิกายหนิงมะปะอันสงบงามใต้ร่มป่าสนโบราณ

tibet_62.JPG

      ออกจากทะเลสาบบาชงชว่อ เส้นทางไต่ขึ้นเทือกเขาสูง จนผ่าน ช่องเขาหมี่ลาซานโข่ว 5,023 ม. (Mela Pass) บนยอดช่องเขาอันศักดิ์สิทธิ์ประดับด้วยธงมนตรา เป็นจุดแบ่งพรมแดนระหว่างเขตหลินจือ กับเขตลาซา

      ธรรมชาติอันแสนอุดมชุ่มชื้นด้วยเทือกภูพนาไพร เมื่อผ่านช่องเขา พลันกลายเป็นภูเขาหญ้า ไปจนถึงภูเขาที่โล้นแล้ง แตกต่างกันอย่างคาดไม่ถึง หมี่ลาซานเป็นปราการขวางกั้นความชุ่มชื้นจากอ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียไว้ มิให้พัดพาข้ามมาถึงเขตลาซา จึงทำให้เขตลาซาและทิเบตตอนกลางและตะวันตกมีความแห้งแล้ง และดูเป็นบรรยากาศแบบทิเบตโดยแท้ ...๑๔ ชั่วโมงเต็มของการเดินทางจากหลินจือสู่ลาซา-เมืองเอกของเขตปกครองตนเองทิเบต บนระดับความสูง ๓,๖๕๘ เมตร

      เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเราไปเยือนสองพระราชวังคู่นครลาซา คือพระราชวังฤดูร้อนขององค์ดาไลลามะ-นอร์ บุลิงก้า Norbulinga Palace อันร่มรื่นและประณีตงดงาม และ พระราชวังฤดูหนาว-โปตาลา Potala Palace อันยิ่งใหญ่และสง่างาม เป็นสัญลักษณ์แห่งนครลาซาและทิเบต พระราชวังทั้งสองได้สะกดพวกเราให้ตื่นตะลึงในความอลังการและศรัทธาปสาทะ อันสูงส่งแรงกล้าของชาวทิเบตทั้งผองที่ยืนยงมากว่าหกศตวรรษ โดยเฉพาะเจดีย์อัฐิ (หลิงถ่า) ขององค์ดาไลลามะแต่ละพระองค์นั้น ช่างวิจิตรเลิศล้ำเป็นยิ่งนัก

      จากนั้น เดินทางไปสู่อีกหนึ่งหัวใจของลาซา นั่นคือ วัดโจคัง Jokang Monastery หรือ ต้าเจาซื่อ สักการะ พระพุทธรูปโจโว ริมโปเช Jovo Rimpoche พระพุทธเจ้าอายุ 12 ชันษา ที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงทรงนำมาจากนครฉางอาน พร้อมทั้งสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์รายรอบวิหารแห่งวัดโจคัง ที่มีมาพร้อมนครอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แล้วได้เดินรอบถนนปา-กว้า (หมายถึง รอบวิหารชั้นกลาง) หรือถนนแปดเหลี่ยม มีสาธุชนชาวทิเบตผู้ศรัทธามั่น กราบอัษฎางคประดิษฐ์ (เดินสามก้าว กราบหนึ่งครั้ง) รอบวิหารวัดโจคังกันมากมาย

tibet_21.JPG

      รุ่งขึ้น พวกเราเดินทางสู่ เมืองเกียงเซ Gyantze ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของลาซา  ผ่าน ช่องเขากั่งปาลาซานโข่ว (Kamba pass) ถึงจุดจุดจอดชมทิวทัศน์อันตระการของทะเลสาบหยางหูหรือ ยัมซอก ยัมโค (Yamzhoc Yamco) หนึ่งในทะเลสาบอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต สีฟ้าเทอร์ควอยซ์ มีรูปลักษณ์เหมือนแมงป่อง

      ก่อนถึงเกียงเซ รถของพวกเราไต่ขึ้นมาถึงอีกช่องเขาหนึ่ง มีความสูง 5,020 ม. ซึ่งสามารถเห็น ยอดเขาไหน่ชิงคังซัง 7,191 ม. 1 ใน 4 ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ของชาวทิเบต ได้อย่างชัดเจนราวแค่เอื้อมสัมผัสถึง

      เมืองเกียงเซ บนความสูง 4,040 ม. หมุดหมายสำคัญในเกียงเซมีสองแห่ง คือ วัดเพลกอร์ (Palkor Monastery) หรือ ไป๋จวีซื่อ มีวิหารอันเก่าแก่และเจดีย์สิบหมื่นพระอันน่าทึ่ง ซึ่งได้รับการยกย่องว่า “ในเจดีย์มีวัด ในวัดในเจดีย์” เนื่องจากเจดีย์องค์นี้ มี 108 ช่อง ภายในแต่ละช่อง เสมือนหนึ่งวิหาร ประดิษฐานพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ พระนางตารา พระธรรมบาล ฯลฯ มากมาย นับรวมได้ถึงกว่าสิบหมื่นองค์ แล้วชม ปราสาทตรองซาน อดีตที่ว่าการเมืองเกียงเซ ที่ได้รับสมญาว่า โปตาลาน้อย ต่อมา ได้เป็นป้อมพิทักษ์เมือง คราที่จักรวรรดินิยมอังกฤษรุกรานทิเบตในปีค.ศ.1903-4

      หนึ่งชั่วโมงครึ่งของการเดินทางจากเกียงเซสู่ เมืองซิกาเซ Xigatze หรือ รื่อคาเจ๋อ Rikaze ผ่านไร่ข้าวบาร์เลย์ (ชิงเคอ) ข้าวสาลี อันอุดมสมบูรณ์บนลุ่ม แม่น้ำนังชู (Nyang Chu) หรือ เหนียนฉู่เหอ ผลผลิตเหล่านี้เอง ทำให้ซิกาเซ เป็นเมืองสำคัญอัน ดับ 2 ของทิเบต

      วัดตาชิลุนโป Tashilhunpo Monastery หรือ จ๋าสือหลุนปู้ซื่อ เป็นหนึ่งในหกวัดสำคัญของทิเบตนิกายเกลุกปะ เป็นที่ประ ทับขององค์ปันเชนลามะ หลังจากพวกเราได้กราบขอพรพระศรีอริยเมตไตรย์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก เจดีย์อัฐิเงินขององค์ปันเชนลามะที่ 4 และเจดีย์อัฐิทองขององค์ปันเชนลามะที่ 10 แล้ว ยังได้เห็นพิธีกรรม “ตรรกะวิภาษ” หรือ

tibet_26.JPG

“เปี้ยนจิง” Sutra Debate ที่จัดขึ้นโดยมีองค์ปันเชนลามะที่ 11 เป็นประธานในวันนี้ แม้พวกเราจะไม่มีโอกาสนมัสการท่าน แต่ก็ได้เห็นพิธีตรรรกะวิภาษอันยิ่งใหญ่ พร้อมพิธีเลี้ยงภัตตาหารพระจำนวนนับร้อยองค์ นับเป็นบุญวาสนาของทุกคนโดยแท้จริง

      วันต่อมา พวกเราเดินทางสู่ หุบเขายาลุง (Yalung Valley) อู่อารยธรรมของชาวทิเบตบนสองฝั่งแม่น้ำยาลุง โดยมีจุดหมายปลายทางที่ วัดซัมเย่ (Samye Monastery) หมายถึง “เหลือเชื่อ เกินจินตนาการ” เป็นลำดับแรก

      หลังเที่ยงวันนั้น พวกเรานั่งเรือไม้สนของชาวบ้านข้ามฟากแม่น้ำยาลุงซังโป หนึ่งในแม่น้ำที่ใสสะอาดที่สุดของโลก ต้นธารจากธารน้ำแข็งของเทือกเขาไกรลาศ ไหลผ่านกลางทิเบต มาจนถึงเขต เจ๋อตัง หรือเซตัง Tsedang แล้วลำน้ำได้ขยายตัวออกกว้างที่สุด

IMG_0150.jpg

      เดินทางต่อไป ผ่านเมืองเจ๋อตังจนมาถึงพระราชวังแห่งแรกของราชวงศ์ยาลุง คือ ยัมบุลาคัง Yambulhakang พวกเราขี่ม้า (จามรี) ขึ้นไปบนวัง ซึ่งปัจจุบันเป็นวัดในนิกายหนิงมะปะ ที่ตั้งอยู่บนชะง่อนผาอันโดดเด่น เหนือหุบเขายาลุง จากบนนั้น ทอดสายตาลงมา เห็นหุบเขายาลุงอันแสนสมบูรณ์ เห็นผืนนาแห่งแรกของชาวทิเบต ท่ามกลางแสงสุรีย์ยามโพล้เพล้ ได้สะกดตาสะกดใจพวกเราให้ประทับใจกับทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่...จุดกำเนิดของชาวทิเบตทั้งผอง

      รุ่งขึ้น พวกเราเดินทางกลับนครลาซา ได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือ วัดเซรา (Sera Monastery) หรือ เซ่อราซื่อ เส้นทางเดินเข้าสู่วิหารภายในวัด

ร่มรื่นด้วยแมกไม้ปกคลุม วิหารที่สำคัญของวัดนี้ คือวิหารเจ้าแม่กวนอิมหัวม้า (พระหัยครีพกวนอิม) ที่หลายคนมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสด้วยศีรษะ สักการะด้วยหัวใจ แล้วไปชมพิธี “ตรรกะวิภาษ” ที่ลานหลังวัด

      ค่ำคืนนั้น พวกเราด้วยการชมการแสดงแสงสีเสียงชุด นาฎกรรมทิเบตเรื่องเยี่ยม ในชุด “Happiness on the way”  ที่กล่าวถึง น้ำ-ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง / ดิน-ให้ทุกอย่างงอกงาม / ลม-ลมแห่งความรัก / ไฟ-พลังแห่งศรัทธาในพุทธศาสนา / ความสุข-ซัมบาลาในใจของทุกคนโดยแท้จริง

      เช้าวันต่อมา พวกเราได้ขึ้น ขบวนรถไฟ T 28 สายเทียนลู่ (ทางสู่สวรรค์) ต้นทางนครลาซา ปลายทางกรุงเป่ยจิง เคลื่อนออกจากสถานีนครลาซา ผ่านกลางที่ราบสูงชิงไห่ทิเบต 24 ชม.บนรถไฟที่นั่งนอนนุ่มสบาย

10.20 น. ผ่านสถานีหยางปาจิ่ง (บ่อน้ำร้อนชื่อดังของทิเบต)

11.00 น. ผ่านสถานีตังสง (อีกฟากหนึ่งของเทือกเขาเนี่ยนชิงถังกู่ลาซาน คือ ทะเลสาบนามู่ชว่อ อันศักดิ์สิทธิ์)

13.40 น. ผ่านสถานีน่าชวี ความสูง 4,400 ม.

14.45 น. ผ่านทะเลสาบชว่อนาหู

15.15 น. ผ่านสถานีอันตวอ ความสูง 4,712 ม.

16.00 น. ผ่านสถานีถังกู่ลาซาน ความสูง 5,072

16.45 น. ผ่านแม่น้ำถวอถวอเหอ 1 ใน 2 ต้นธารแยงซีมหาชลาลัยสายเลือดมังกร

17.20 น. ลอดอุโมงค์เฟิงหั่วซาน สูงที่สุดในโลก

18.00 น. ผ่านแม่น้ำทงเทียนเหอ 1 ใน 2 ต้นธารแยงซี

19.50 น. ผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเคอเคอซีหลี่ เห็นลาป่า จามรีป่า และละมั่งทิเบต (หลิงหยาง)

24.00 น. ถึงสถานีเก๋อเอ่อร์มู่ (โกลด์มุด) หลายคนลงไปเดินเล่น ขณะรถจอดรับส่งผู้โดยสารและเติมน้ำมัน

      ทางสู่สวรรค์ ทางแห่งความงดงาม ยิ่งใหญ่ตระการ สูงเทียมฟ้า ราวเอื้อมคว้าก้อนเมฆและดวงดาวมาแนบอกได้ ทางสู่สวรรค์ทอดผ่านทุ่งหญ้าเขียวตระการ เทือกภูหิมะสลับซับซ้อนยาวร้อยพันลี้ ทะเลสาบหนองบึงฟ้าคราม สัตว์ป่าอันแสนงาม ทางสู่สวรรค์สายนี้ ช่างมหัศจรรย์ และจะตราตรึงในใจตลอดไป...

06.10 น. สุริยันเบิกฟ้าเหนือหลังคาโลก

07.15 น. เลียบทะเลสาบชิงไห่ ใหญ่อันดับหนึ่งของจีน

09.30 น. ถึงนครซีหนิง เมืองเอกของมณฑลชิงไห่

      24 ชั่วโมงเต็มบนรถไฟชั้น 1 สายเทียนลู่ 8 ชม.ในทิเบต 16 ชม.ในชิงไห่ อันงดงามสุดพรรณนา ทั้งทิวเขามิรู้สิ้นสุดสายตา ทุ่งหญ้าทะเลสาบ สัตว์ป่า สายฝน หมู่เมฆ สายลม และเม็ดฝน จะมีผืนดินใด จะบริสุทธิ์กว่าหลังคาโลก ๑ ในภูมิทัศน์ที่ยากจะเข้าถึงแห่งนี้อีกแล้ว

      ขอฝากความประทับใจทั้งปวงในการเดินทางสู่สวรรค์ทิเบตในครั้งนี้ ด้วยบทเพลง “เทียนลู่” หรือ “ทางสู่สวรรค์” ที่นักร้องสาวชาวทิเบตชื่อดัง “หานหง” Han Hong ได้ร้องไว้อย่างน่าประทับใจ ดังนี้

天路เทียนลู่... ทางสู่สวรรค์

ยามเช้า ฉันยืนอยู่บนทุ่งหญ้าปศุสัตว์เขียวขจี

มองเห็นนกอินทรีบินอยู่ท่ามกลางแสงสุรีย์

ดั่งเมฆศักดิ์สิทธิ์ก้อนหนึ่ง ลอยล่องผ่านท้องฟ้าสีคราม

นำความเป็นสิริมงคลมาสู่ลูกหลานชาวทิเบต

ยามพลบ ฉันยืนอยู่บนเนินเขาสูง

มองเห็นทางรถไฟสายหนึ่ง สร้างมาถึงบ้านเกิดของฉัน

ดุจพญามังกรที่เลื้อยทอดข้ามเทือกภูและสายธาร

นำความสุขสงบมาสู่ดินแดนที่ราบสูงที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะ

นั่นเป็น ทางสู่สวรรค์... ที่ช่างมหัศจรรย์สายหนึ่ง

นำความอบอุ่นมาสู่เขตชายแดนอันไกลโพ้น

นับจากนี้ไป ภูเขาจะไม่สูง หนทางจะไม่ยาวไกลอีกต่อไป

ชนเผ่าต่าง ๆ มาชุมนุมอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข

นั่นเป็น ทางสู่สวรรค์... ที่ช่างมหัศจรรย์สายหนึ่ง

นำพาเราไปสู่สรวงสวรรค์บนผืนพิภพ

เหล้าชิงเคอและชาซูโหยวจะหอมหวานขึ้นกว่าเดิม

เสียงเพลงแห่งความสุขจะถูกส่งไปสู่ทั่วหล้า

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page