
เมืองมหาราชา แดนฟ้าจรดทราย
คุณธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์...เรื่อง
คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ
เมื่อลองเปิดหนังสือดูภาพดูข้อมูล ผมตัดสินใจ เราจะไปราชาสถาน แม้ใช้เวลาเที่ยวนานหน่อย แต่ได้มุมมองแปลก ผมอยากทำหนังสือให้หลุดจากความเป็นอินเดียที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจ อยากให้คนเปิดดูแล้วร้องว่า อู้ฮู! เนี่ยนะ...อินเดีย
ผมอยากอธิบายรายละเอียดทั่วไปสักนิด พอให้คุณคิดภาพออกว่า เราเที่ยวกันแบบไหน

ขอเริ่มจากภูมิประเทศและที่ตั้ง ราชาสถานเป็นแคว้นตอนเหนือ เยื้องไปทางตะวันตก พื้นที่รวมกว่า 300,000 ตารางกิโลเมตร ใหญ่กว่าอีสานบ้านเฮาเล็กน้อย แต่รูปทรงคล้ายกัน ดินแดนลักษณะอ้วนป้อม ไม่ยาวเหมือนภาคใต้ของไทย
ด้านตะวันออกติดกับเดลีและอุตตรประเทศ ที่ตั้งของทัชมาฮาล ด้านตะวันตกติดกับปากีสถาน ด้านเหนือติดกับรัฐปัญจาบ สภาพที่ตั้งเยี่ยงนี้ ทำให้ราชาสถานอยู่ใกล้ศูนย์กลางแห่งการคมนาคม ยังอยู่กึ่งกลางระหว่างอาณาจักรใหญ่ ที่มีผลต่อชีวิตของผู้คนในดินแดน
ภูมิประเทศด้านตะวันออกและด้านใต้ มีขุนเขาอยู่บ้าง แต่ไม่สูงเสียดฟ้าเหมือนหิมาลัย ลักษณะคล้ายภูเขาในภาคเหนือตอนล่าง ในหุบเขามีทะเลสาบ บางแห่งกลายเป็นที่ตั้งชุมชน ที่เหลือเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ที่อาศัยของนกน้ำนานาชนิด เหมาะสำหรับคนชอบนก
ย้ายไปทางด้านตะวันตก ภูเขาหดหาย ความแห้งแล้งมาเยือน ยิ่งไปทางตะวันตกเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่ดินปนทราย จนกลายเป็นทรายล้วนเป็นทะเล ทรายกว้างใหญ่ จนถึงพรมแดนประชิดกับปากีสถาน ดูแล้วไม่น่าอยู่เป็นอย่างยิ่ง
แต่ภูมิประเทศแบบนี้แหละ ก่อเกิดผู้คนและวัฒนธรรมประเพณีเฉพาะกลุ่ม กลายเป็นชนเผ่าต่างๆ เจริญขึ้นเป็นหลายอาณาจักร ยกพลตะลุม บอนกันดุเดือดเร้าใจ ตามวิสัยคนทะเลทรายย่อมใจเด็ดประดุจเสือ
เมื่อมีเผ่ามีผู้คนย่อมมีผู้ปกครอง กลายเป็นราชา สร้างป้อมเมืองกลางทะเลทราย ยิ่งรบกันเร้าใจหายห่วง นอกจากสู้กันเองแล้ว ยังต้องสู้กับอิทธิพลภายนอก ทั้งจากอาณาจักรใหญ่ในอินเดีย จากเปอร์เซีย จากกรีก จากโน่นจากนี่ เรียกว่าตลอดเวลานับพันปีมีแต่การรบ อันเป็นเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์แห่งราชาสถาน

คุณคงสงสัย รบกันไปทำไม แย่งทรายไปถมที่เรอะ แล้วก็...ที่ว่าราชา เป็นราชากลางทะเลทราย มีแต่อูฐกับกระโจม เอาเงินจากไหนมาสร้างวังมหาราชา หรือว่าแถวนี้มีน้ำมัน
น้ำมันอาจสำคัญในยุคหลัง แต่สมัยก่อนไร้ค่าครับ สำคัญกว่าน้ำมัน
คือเส้นทางคมนาคม คุณอาจเคยได้ยิน “เส้นทางสายไหม” การติดต่อค้าขายบนแผ่นดิน ระหว่างโรมันและจีน เส้นทางดังกล่าวมีสินค้ามหาศาล เพราะในสมัยก่อน การขนส่งทางทะเลแทบเป็นไปไม่ได้ มนุษย์โลกเริ่มหัดใช้เรือขนของได้เพียงสามสี่ร้อยปี ก่อนหน้านั้นขนส่งทางแผ่นดินล้วนๆ
เมื่อขบวนสินค้ามาถึงทะเลทราย สถานที่ก็ไม่คุ้น เดินมั่วเดินซั่วไม่เจอแหล่งน้ำ เผลอๆ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอาจโดนพายุทะเลทรายถล่ม โจรก็เยอะ พ่อค้าใจสั่นเป็นอันมาก อีนี่นายจ๋าฉันตายแน่
พระเอกขี่ม้าขาวโผล่มา ราชาในแต่ละแคว้นบอกว่า ไม่ต้องตกใจ ขอเพียงยูจ่ายค่าคุ้มครอง เรามีบริการทั้งคนนำทาง คนดูแลให้ความปลอดภัย ยูสามารถเดินทางแบบเป็นสุขเป็นสุขเถิด แต่ว่า...ค่าเป็นสุขแพงหน่อยนะ อย่างว่า แถวนี้มีแต่ทราย ยูไม่จ่าย ตายหยังเขียด
ด้วยเหตุผลประการดังกล่าว และด้วยระยะเวลาเนิ่นนานนับพันปี ความร่ำรวยย่อมก่อเกิด ราชามีตังค์มาสร้างป้อมสร้างวังให้สวยงาม ไม่มีปัญหาเรื่องวัสดุ เพราะสินค้าต้องผ่านมาทางนี้อยู่แล้ว เราจึงต้องรบเพื่อขยายอาณาจักร จะได้เรียกค่าคุ้มครองมากขึ้น
พอเข้าสู่ยุคอินเดียได้รับเอกราช มหาราชาเริ่มหมดอำนาจ มีเพียง บางองค์เล่นการเมืองต่อ แต่อีกหลายองค์จนลง แต่มีเกียรติค้ำคอคล้ายผู้ดีเก่าของไทยในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองต้องขายของเก่ากิน โชคดีที่อินเดียเริ่มเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามา แล้วอะไรจะเท่ไปกว่าการเข้าชมวังมหาราชาไม่มีหรอก มหาราชาที่ยังพอมีวังเหลือ จึงเปลี่ยนวังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ใครเข้ามาต้องจ่ายค่าต๋ง บางวังขนาดเล็กไป ไม่โอ่อ่าพอเที่ยวได้ เปลี่ยนเป็นโรงแรมซะเลย ครึ่งหนึ่งอยู่เอง อีกครึ่งเปิดให้คนมาพัก

ผมปูพื้นเรื่องภูมิประเทศและผู้คน พอให้คุณเข้าใจและไปเที่ยวกับผมสนุก เราจะเดินทางจากเมืองหนึ่งถึงอีกเมือง ระยะทางสองสามร้อยกิโลเมตร แต่ละเมืองถือเป็นหนึ่งอาณาจักร มีมหาราชาและราชวงศ์ของตนเอง
เมื่อถึงเมือง เราเที่ยวครับ ดูป้อม ดูวัง ดูเมือง หากที่ใดมีปัญญาจ่าย เราได้นอนในวังมหาราชาหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ถ้าตังค์มีไม่พอก็นอนโรงแรมทั่วไป จนเที่ยวครบทั้งเมือง ค่อยนั่งรถต่ออีกครึ่งค่อนวันเพื่อไปให้ถึงอีกเมือง
การท่องเที่ยวในราชาสถาน จากเมืองสู่เมืองโดยรถทัวร์ เมื่อถึงเป้าหมายมีหลายวิธีให้เที่ยว ทั้งการเดินชมวังดูตลาดมองเมืองหรือใช้สามล้อ ตุ๊กตุ๊ก และรถม้า แต่ละเมืองไม่ใหญ่นัก นั่งรถตุ๊กตุ๊กไปมาในเวลาสิบยี่สิบนาที ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงเมืองไทย
หากไปเมืองริมทะเลทราย เช่น ไจซาลเมียร์ (Jaisalmer) บิคาเนอร์ (Bikaner) เราใช้การขี่อูฐ อีกเมืองชื่ออุทัยปุระ (Udaipur) อยู่ริมทะเลสาบ ล่องเรือเที่ยวได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมง มีราคามาตรฐาน ไม่ต้องต่อรองให้วุ่นวาย
หลายคนเป็นกังวล กลัวไม่มีโรงแรมน่านอนในอินเดีย แต่ถ้ามาถึงราชาสถาน คุณจะผิดคาด ที่นี่เต็มไปด้วยโรงแรมมีระดับ สะอาดและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะผู้ที่ฝันถึงการนอนในวังมหาราชา มีวังหลายสิบแห่งเปลี่ยนเป็นโรงแรม ได้บรรยากาศดั้งเดิม พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน บางแห่งราคาฟ้าดินสะเทือน อีกหลายแห่งเราท่านพอมีหวังนอนได้ สามารถจองที่พักล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ตหรือเอเย่นต์ทัวร์
ผมขอยกถ้อยคำของ Colonial James Todd นายพลแห่งกองทัพเครือจักรภพ ผู้กล่าวถึงราชาสถาน โดยเรียบเรียงแต่งเติมจากข้อความของท่านนายพล
“แผ่นดินนี้คือดินแดนแห่งราชา คือตัวอย่างหนึ่งเดียวในประวัติศาสตร์มวลหมู่มนุษยชาติ ที่ถูกบีบคั้นด้วยความดิบเถื่อนแสนสาหัส โถมทับจนเกินกว่าที่มนุษย์จะยืนหยัดกล้าฝืนชะตาฟ้า เกรี้ยวกราดจนมนุษย์ทำได้เพียงก้มหน้าแนบพสุธา วิงวอนขอความกรุณาต่อทวยเทพยดาทั้งฟ้าดินผิดเสียที่ว่า มวลหมู่บุรุษและสตรีผู้เป็นราชบุตร กลับยึดถือศักดิ์ศรีของมนุษย์ ต่อสู้กับโชคชะตา มิยอมลดต่ำเกลือกกลั้วกับการกระทำที่น่าละอาย หญิงชายผู้เปรียบเสมือนบุตรแห่งราชา ยืนหยัดเชิดหน้ามองฟ้า ใช้หัวใจกล้ากระทำเรื่องอันประเสริฐ ก่อเกิดเป็นตำนานสืบต่อถึงลูกหลาน ในฐานะผู้ที่เกิดมาเป็นคน”
มหาราชาแดนฟ้าจรดทราย จึงมิใช่หมายถึงเพียงความร่ำรวยของมหาราชา แต่หมายถึงการกระทำที่มีเหตุมาจากความกล้าและศักดิ์ศรีเยี่ยงมหาราชาที่โลกของเราต้องการเสียเหลือเกินในทุกวันนี้
ผลจากการไปเที่ยวราชาสถาน จึงไม่จบเพียงแค่ความสนุก
เมื่อเห็นอินเดีย คุณเห็นโลก...ครับ
(ตัดตอนและเรียบเรียงจากหนังสือ ‘เมืองมหาราชา แดนฟ้าจรดทราย’ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์)





