top of page
Misty Woodland

ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

บทความ

มาชูปิกชู บนแผ่นดินของอินคา

คุณธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์...เรื่อง

คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ

ณ ดินแดนแห่งขุนเขาสูงเสียดฟ้า Huascaran 6,788 เมตร

ณ ดินแดนที่ลุ่มน้ำกว้างถึง 6.8 ล้านตารางกิโลเมตร กลายเป็นทะเลป่า ใหญ่กว่าพื้นที่ประเทศไทย 12 เท่า

ณ ดินแดนที่เป็นจุดกำเนิดแห่งเรื่องราวกษัตริย์อินคาและอาณาจักรทองคำ

กลายเป็นการเดินทางครั้งหนึ่ง ไม่เหมือนครั้งไหน การเดินทางไปสู่ประเทศที่อยู่ห่างไกลเมืองไทยที่สุด เกินกว่า 40 ชั่วโมง

การเดินทางสู่ประเทศเปรู

      หัวใจของอินคาอยู่ที่ประเทศเปรู น่าเสียดายที่เกือบทุกอย่างของอาณาจักรอินคาล้วนสูญหายไปในครั้งเป็นอาณานิคมของสเปน เหลือเพียงบางส่วนของ “ราชวังทอง” (Gold Palace) หรือที่นักท่องเที่ยวปัจจุบันรู้จักในนาม Koricancha: Temple of the sun วิหารสุริยันแห่งอาณาจักรอินคา

      สเปนถล่มอาณาจักรอินคาลงได้ แต่หมายถึงแค่เมืองหลวงและเมืองชายฝั่ง การบุกเข้ามาเพื่อยึดเมืองในหุบเขาที่อยู่ลึกเข้าไปทำได้ไม่ง่ายหรอก ยังมีเมืองในตำนานแอบซ่อนอยู่ เวลาล่วงเลยมาจนถึงยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 อันเป็นช่วงสำรวจโลกด้วยวิทยาการสมัยใหม่ นักสำรวจบุกบั่นไปตามที่ต่างๆ รวมทั้งคนหนึ่งชื่อ Hiram Bingham นักสำรวจชาวอเมริกัน ผู้มาเยือนอเมริกาใต้

      ใน พ.ศ. 2454 เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยเสมอเหมือนปัจจุบัน ยิ่งถ้าเป็นประเทศเปรู ดินแดนห่างไกล เทือกเขากว้างใหญ่สูงลี้ลับ ไม่มีเครื่องบินผ่าน ไม่มีดาวเทียมคอยสำรวจทางอากาศ การค้นหาต้องอาศัยการเดิน เดิน และเดิน บิงแฮมมาถึงเมืองอินคา เที่ยวชมโบราณสถาน เห็นแล้วรู้สึกว่ายิ่งเข้าไปใกล้ในแหล่งกันดารยิ่งน่าสนใจ แต่การเดินทางไม่ง่ายหรอกนายเอ๊ย จึงต้องทุ่มพลังหาเงินสนับสนุน

      การสำรวจหนแรกสิ้นสุดอยู่บริเวณหุบเขาในป่าลึก แต่ลำน้ำยังไปอีกไกล ยังมีหมู่บ้านน้อยอยู่ข้างหน้าหลายแห่ง บิงแฮมหมดแรงแล้ว เงินก็หมด จึงต้องกลับไปตั้งต้นใหม่ในอเมริกา เขาผู้นี้เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดัง จึงประกาศขอทุนสนับสนุนแล้ว

ED0118.JPG

ก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขาได้ข้อมูลมากขึ้น รวมถึงเมืองในตำนาน มาชูปิกชู (Machu Picchu) ที่ผู้คนพูดถึงในคูซโก แต่ ณ วันนั้นไม่มีใครเชื่อว่าเมืองนี้มีอยู่จริง

      ต่อจากการชมทิวทัศน์ภูเขาไก่ทองก็มุ่งหน้าไปน้ำตกเก้ามังกร (Jiulong) สายน้ำตกใหญ่แห่งมณฑลยูนนาน ซึ่งห่างจากโหลวผิงราว 22 กิโลเมตร การเข้าไปชมน้ำตกสะดวกสบายมากโดยการขึ้นเคเบิลคาร์ไปยังจุดชมวิวซึ่งจะมองเห็นแม่น้ำเก้ามังกรตลอดทั้งสายที่ยาว 4 กิโลเมตร แล้วค่อยเดินลงไปชมน้ำตกชั้นต่างๆซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 10 ชั้น แต่ละชั้นก็แตกต่างกันออกไป มีชั้นที่ใหญ่ที่สุดอยู่ 2 ชั้น ชั้นแรกสูงราว  56 เมตร และกว้างถึง 112 เมตร น้ำตกชั้นนี้มีชื่อเรียกว่า  Sacred Dragon ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำกว้างใหญ่สีเขียวมรกต ชาวบ้านจึงทำแพไม้ไผ่ไว้นำนักท่องเที่ยวถ่อเข้าไปยังสายน้ำตกได้ ส่วนน้ำตกอีกสายหนึ่งเป็นสายน้ำสองเส้นคู่กันเรียกว่าน้ำตกคู่รัก (Lover) อยู่ด้านบนสุด สำหรับชั้นล่างสุดซึ่งมีทางเดินข้ามสายน้ำกลับออกไปยังที่จอดรถจะมองเห็นน้ำตกชั้น Sacred Dragon และน้ำตกชั้นที่คั่นกลางเป็นภาพพานอรามาที่งดงามมากที่สุดอีกจุดหนึ่ง ก็เป็นอันว่าได้ชมน้ำตกเก้ามังกรกันโดยครบถ้วน

EPV0379.JPG
ED0144.JPG

      จากการสำรวจในช่วงเวลาที่ผ่านมา รวมถึงการตั้งหลักแหล่ง

ชุมชน แต่ละคนพูดเป็นเสียงเดียว เมืองสุดท้ายของชาวอินคาน่ะเหรอ คือเมือง Ollantaytambo ปลายทางหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ ลึกเข้าไปกว่านี้ไม่มีหรอกเมือง มีแต่หมู่บ้านจิ๋ว เพราะหุบเขายิ่งแคบ แหล่งเกษตรกรรมแทบไม่มี ใครจะไปสร้างเมืองบนยอดเขาที่ไร้ผู้คนหรือชุมชนใดๆ

      บิงแฮมไม่เชื่อ นักสำรวจต้องมีจินตนาการ แต่ต้องมีเงินด้วยจึงใช้เวลาอีกเป็นปีกว่าเขาจะกลับมาอีกเป็นครั้งที่ 3 คราวนี้เขายกทีมไปตามลำน้ำจนถึงเมืองโอลัน ก่อนบุกลึกๆ เข้าไปตามสายธารแห่งขุนเขา ผ่านซากปราสาทในอดีต รกร้างไร้ผู้คน ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ เสียงสัตว์ร้อง หริ่งหรีดเรไรระงม มันเป็นหุบเขาแห่งความแร้นแค้น ต้องคำสาป คล้ายมีมนตราอยู่ในอากาศ

      หลายวันผ่านไป คณะสำรวจมาถึงบ้านป่าหลังหนึ่ง ตั้งอยู่ในหุบเขาแคบ รอบด้านคือยอดเขาสูงตระหง่านกว่า 3,000 เมตร บิงแฮมเคาะประตูบ้าน ก่อนเจอ Melchor Arteaga เจ้าของบ้านกลางป่าเปลี่ยวโผล่ออกมาบอกว่าแดนดินถิ่นนี้ชื่อ Mandor Pampa ข้าคือผู้เฝ้าหุบเขา ทำมาหากินโดยปลูกพืชสวน รวมทั้งทำที่พักแรมให้คนที่นานๆ ผ่านมาครั้ง

      Melchor เล่าให้บิงแฮมฟังว่า บนเขาโน้นคือยอดเขาสูง หนึ่งเรียก Huayna Picchu อีกหนึ่งชื่อ Machu Picchu บนนั้นมีเมืองศิลาดึกดำบรรพ์ นครที่ไร้ผู้คน

      บิงแฮมขอร้องให้เขาพาขึ้นไป ณ เมืองในนิทานการเดินทางตอน 10 โมงเช้า ช่วงต้นเป็นพื้นราบ ผ่านป่ารกนิดหน่อย ก่อนมาสิ้นสุดที่ลำน้ำไหลเชี่ยว มีเพียงท่อนไม้แคบนิดเดียว บิงแฮมตัดสินใจข้าม กว่าจะข้ามแม่น้ำได้เกือบตาย เสร็จแล้วก็เกือบตายจริงเมื่อเจอกับหน้าผา ใช้เวลาปีนป่ายทีละนิดละหน่อย จนพระอาทิตย์คล้อยผ่านหัวไปถึงตอนบ่าย พวกเขามาถึงไหล่เขาสูงกว่าหุบที่เริ่มต้นประมาณ 600 เมตร ตรงนั้นเองที่พวกเขาพบเพิงกลางป่า เป็นที่อยู่ของครอบครัวชาวป่าผู้ปลีกสันโดษ ครอบครัวใจดีสั่งให้ลูกชายวัยไม่กี่ขวบเป็นผู้นำบิงแฮมไปต่อ

      เด็กน้อยวิ่งโลดแล่น จนท้ายสุดทุกคนโผล่พ้นพงไม้ ก่อนชะงักเมื่อเจอกำแพงใหญ่ขวางหน้า กำแพงที่กั้นขวางอารยธรรมจากโลกภายนอกมาหลายร้อยปี กำแพงที่ไม่เคยมีมนุษย์จากโลกศิวิไลซ์ข้ามไปมาก่อน

      เบื้องหลังกำแพงนี้คือเมืองที่สาบสูญ เมืองที่ไม่เคยมีใครจากโลกตะวันตกค้นพบ นับตั้งแต่สมัยอินคาเรื่อยมาจนถึงยุคอาณานิคมของสเปน ไม่เคยมีใครมาถึงเมืองนี้ ยกเว้นชาวพื้นเมืองเพียงไม่กี่ราย

The lost city of Inca อยู่เบื้องหลังกำแพง

      สองเท้าของผมอยู่ริมขอบเหว มือถือกล้องยกขึ้นส่อง เมื่อมองผ่านเลนส์มุมกว้าง ผมเห็นภาพโบราณสถานอันดับหนึ่งของทวีปอเมริกา “มาชูปิกชู เมืองที่สาบสูญแห่งอาณาจักรอินคา”

      ความมหัศจรรย์คือที่ตั้ง โบราณสถานแห่งใดๆ ที่ผมเคยไปมา หากใหญ่หากโต ล้วนอยู่บนที่ราบทั้งนั้น อย่างเก่งก็อยู่บนเนินเขาใกล้เมือง จะมีใครคิดสร้างปราสาทยักษ์บนยอดเขาสูงเกือบเท่าดอยอินทนนท์ ในพื้นที่ห่างจากแหล่งชุมชนนับร้อยกิโลเมตร ไม่มีหมู่บ้าน ไม่มีผู้คน มีแต่ป่ากับนกและกล้วยไม้อีก 400 ชนิด

      เมื่อมองจากมุมผา ผมเห็นยอดเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เห็นโตรกลึกดิ่งชันลงสู่ลำธารเบื้องล่าง เห็นความเขียวปี๋ของป่าดิบเขาแน่นทึบ ไม่มีสิ่งก่อสร้างใดของมนุษย์ ยกเว้นมหาปราสาทที่อยู่ตรงหน้า ดุจมีมือของทวยเทพเจ้าสร้างแล้วยกมาวางไว้

      หลายชั่วโมงที่เรามุดไปตามช่องประตูและร่องทางเดิน ผมเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของชาวอินคา ครั้งนั้น...ไม่มีใครรู้จักล้อ คำถามแรกคือเขาขนหินมาได้อย่างไร คำตอบคือวางบนท่อนซุงแล้วกลิ้งมา คำตอบนำสู่อีกหลายคำถาม กลิ้งขึ้นยอดเขาเนี่ยนะ ยากกว่าเข็นครกตั้งเยอะ ยังหมายถึงโน่นนี่นั่นอีกมาก รวมถึงคำถามแรกที่ใครมาถึงย่อมสงสัย มาชูปิกชูคืออะไร? สร้างมาเพื่อเหตุผลใด?

      คำตอบคือชื่อของมหาปราสาท ชื่อที่เรียกต่อกันมาเนิ่นนาน The lost city of Inca

      ไม่มีใครรู้ว่า นครที่สาบสูญมีความเป็นมาอย่างไร? มีหลายคนบอกอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ไม่มีใครสักคนกล้าฟันธง

      ความลึกลับยังคงอยู่คู่มาชูปิกชู

      หมายเหตุ ตัดตอนและเรียบเรียงจากเรื่อง “เปรู...บนแผ่นดินแห่งแอนดีส อินคา อะเมซอน” ตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature Explorer ฉบับ 84 เดือนธันวาคม 2549

ED0014.JPG
ED0054.jpg
ED0126.JPG
EPV0130.JPG

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page