
บทความ
เยือนโครเอเชีย ไข่มุกแห่งอะเดรียติก
คุณปาริชาติ คัจฉาวี...เรื่อง
คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ
ใครจะคิดว่าโครเอเชีย ประเทศที่เพิ่งผ่านสงครามเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ และเพิ่งตั้งเป็นสาธารณรัฐได้เมื่อปี 1991จะมีสถานที่ที่สวยงามโดดเด่นจนได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกจาก UNESCO มากมายอย่างนี้ต้องไป พิสูจน์...
โครเอเชียอยู่ใกล้กับบอสเนียและฮังการี มีรูปร่างคล้ายเกือกม้า การมาเยือนโครเอเชียครั้งนี้ เราเดินทางเข้าทางเมือง Opatija ซึ่งอยู่ตรงส่วนโค้งเกือกม้า ก่อนลงไปทางใต้ เลียบชายฝั่งทะเล ผ่านเมือง Zadar และ Sibernik จนสุดปลายด้านใต้ที่เมืองDubrovnik ขากลับแวะเมือง Split ชมอุทยานแห่งชาติ Plitvice แล้วไปชมเมืองหลวง Zagreb ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของ Opatijaก่อนจะออกจากโครเอเชียทางเดิม นับเป็นระยะเวลากว่าอาทิตย์ทีเดียวที่ ฉันได้ชื่นชมธรรมชาติงดงามและเมืองเก่าแก่ที่วิจิตรอลังการแห่งนี้
Opatija เมืองแห่งการพักร้อน
ที่เมืองนี้คุณสามารถพักผ่อน นอนฟังเสียงคลื่น จิบกาแฟในร้านริมทะเลรับประทานดินเนอร์ในโรงแรมหรู เดินเล่น ขี่จักรยานหรือวิ่งจ๊อกกิ้งไปตามทางเล็กๆ เลียบทะเล หรือในสวนสาธารณะ วิวทิวทัศน์ของเมือง Opatija เต็มไปด้วยโรงแรมและตึกเก่าที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ผสมผสานกับตึกสมัยใหม่
แหล่งช็อปปิ้งและกิจกรรมนั้นก็มีหลากหลายจึงไม่น่าสงสัยเลยว่า ทำไมคนที่มีชื่อเสียงทั่วโลกพากันติดใจเสน่ห์ของเมืองนี้
Zadar เมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมกับนวัตกรรมธรรมชาติ
Zadar เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของโครเอเชีย รองจาก Zagreb เมืองหลวง เมืองนี้โดดเด่นด้านศิลปวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคมเมื่อเดินชมเมืองฉันเห็นว่ามีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนเมืองเก่าและเมืองใหม่ ใจกลางเมืองมีโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 อย่างโบสถ์ St.Danatus ที่มีหลังคาเป็นรูปโดมด้านข้างมีเสาหินสไตล์โรมันและแผ่นหินเก่าวางเรียงราย ด้านข้างมี Pillar of Shame ซึ่งเป็นเสาสไตล์โรมันสูงกว่าหลังคาโบสถ์และมีปลายเป็นรูปปั้นนก นอกจากนี้ยังมีโบสถ์ที่มีเสาสไตล์โรมันอีกหลายแห่งสามารถสะท้อนประวัติศาสตร์โครเอเชียที่มีรากฐานมาจากพวกโรมันได้อย่างชัดเจน
ที่น่าสนใจอีกอย่างคือเมือง Zadar สร้างนวัตกรรมจากธรรมชาติโดยการตั้งแผ่นโซลาร์เซลล์ รวมกันเป็นวงกลมศูนย์กลางกว้างเกือบ 10 เมตรเพื่อให้รับพลังงานแสงไว้อย่างเต็มที่ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลังงาไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีการสร้างออร์แกนธรรมชาติ โดยการสร้างท่อไว้ใต้ฐานทางเดินริมทะเล เมื่อคลื่นกระทบภายในท่อใต้ทางเดินในระยะเวลาที่ต่างกันก็เกิดเป็นเพลงจากธรรมชาติที่แสนไพเราะเพราะพริ้ง



Sibenik เมืองแห่งโบสถ์
เมือง Sibenik มีการแบ่งส่วนของเมืองเก่าไว้เช่นเดียวกับเมือง Zadar โดยอนุรักษ์โครงสร้างภายในเมืองเดิมที่ล้อมรอบด้วยกำแพงป้อมปรา การซึ่งสร้างด้วยหินสูงเกือบ 6 เมตร รวมทั้งมีการอนุรักษ์บ้านที่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ และแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็มีร้านอาหารและผับไว้ในส่วนของ Town Hall เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหลังเลิกงานของชาวเมือง
เมืองนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอย่างอื่นอีก เช่น รูปปั้นของ Peter Kresimir IV ผู้เคยครองเมืองนี้ระหว่าง ค.ศ.1058-1074 เมื่อเดินเข้ามาในส่วนเมืองใหม่ ก็ได้ข้อมูลว่าในศตวรรษที่ 13 มีการย้ายผนังเมืองเก่า มาสร้างผนังโรงพยาบาลและย้ายเป็นผนังโรงละครใหญ่ที่สุดในแถบทะเลอะเดรียติก มีรูปปั้นของ St. Michael ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์เมืองอยู่ด้านหน้า และมีการจัดเฉลิมฉลองทุกปี
เมืองนี้มีกิจกรรมที่น่ารักคือ ในวัน National Children Festival ซึ่งอยู่ในช่วงเดือน ก.ค. จะมีเด็กจากทุกเมืองมาร่วมร้องเพลงกันอย่างครึก ครื้น ในเมืองเก่ามีการแบ่งเมืองด้วยถนน Upper และ Lower Town ซึ่งทั้งสองถนนนี้จะมุ่งไปสู่ทะเล ตรงลานกว้างที่เคยเป็นตลาดเก่ามีขีดตาชั่งอยู่ที่กำแพง และมีเทพ Madonna ซึ่งเป็นเทพแห่งความเที่ยงตรงอยู่ด้านข้าง ส่วนกลางเมืองมีหอคอยเป็นนาฬิกาสไตล์เตอร์กิชที่สร้างเมื่อถูกชาวตุรกีมาครอบครองเมือง เมืองนี้มีโบสถ์มากถึง 20 โบสถ์ มีทั้งที่เป็นของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกและออร์โธด็อกซ์ โบสถ์บางแห่งตั้งอยู่บนป้อม เพื่อป้องกันพวกเคิร์ดเข้ามารุกราน โบสถ์ที่น่าประทับใจคือโบสถ์สีขาว St.Jacob ที่สร้างขึ้นโดยช่างชาวโครเอเชีย Master Juraj Dalmatinac วัสดุหลักของโบสถ์คือหินปูนที่ได้จากเกาะ Brash ในทะเลอะเดรียติก ใช้เวลาสร้างถึง 105 เดือน ด้านข้างติดกับTown Hall มีรูปปั้นหัวคนที่เคยอยู่หรือเคยโดยสารทางเรือมาถึงที่นี่ภายในอลังการด้วย ศิลปะการแกะปั้นที่ออกแบบอย่างละเอียดด้วยความสวยงามของศิลปะเรอเนสซองส์และ โกธิกโบสถ์แห่งนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1990


Split พระราชวัง หรือป้อมปราการ
เมืองชายฝั่งทะเลที่ไม่ควร พลาดอีกแห่งคือ Split นอกจากจะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของโครเอเชียแล้ว เมืองนี้ยังมีพระราชวัง Diclotian ซึ่งมีความกว้างใหญ่มโหฬาร ฉันเลือกเดินชมพระราชวังโดยเข้าทางตลาดนัด สิ่งแรกที่พบ คือซากกำแพงปราสาท The Cathedral of St Duje ซึ่งเป็นส่วนของปราสาทที่สวยที่สุดที่ยังเหลืออยู่ ภายในยังมีศิลปะ Peristyle ทั้งอียิปต์สฟิงซ์ โค้งเสา รวมถึงหอระฆังแบบโรมัน
ฉันเดินชมเมืองจากด้านข้างไปด้านหลัง จนถึงบ้านเก่าของ Ivan Mestrovic ช่างปั้นชาวโครแอตที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันใช้เป็นแกลเลอรีเมื่อเดินย้อนมาด้านติดทะเลพบว่า ใกล้ทางออกของประตูกลางมีร้านขายของที่ระลึกจำนวนมาก ส่วนประตูด้านหนึ่งเป็นลานกว้างภายในพระราชวังที่มีรูปปั้นและอาคารเก่าแก่ ดูขรึมขลังน่าชม
Split พระราชวัง หรือป้อมปราการ
เมืองชายฝั่งทะเลที่ไม่ควร พลาดอีกแห่งคือ Split นอกจากจะเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของโครเอเชียแล้ว เมืองนี้ยังมีพระราชวัง Diclotian ซึ่งมีความกว้างใหญ่มโหฬาร ฉันเลือกเดินชมพระราชวังโดยเข้าทางตลาดนัด สิ่งแรกที่พบ คือซากกำแพงปราสาท The Cathedral of St Duje ซึ่งเป็นส่วนของปราสาทที่สวยที่สุดที่ยังเหลืออยู่ ภายในยังมีศิลปะ Peristyle ทั้งอียิปต์สฟิงซ์ โค้งเสา รวมถึงหอระฆังแบบโรมัน
ฉันเดินชมเมืองจากด้านข้างไปด้านหลัง จนถึงบ้านเก่าของ Ivan Mestrovic ช่างปั้นชาวโครแอตที่มีชื่อเสียง ปัจจุบันใช้เป็นแกลเลอรีเมื่อเดินย้อนมาด้านติดทะเลพบว่า ใกล้ทางออกของประตูกลางมีร้านขายของที่ระลึกจำนวนมาก ส่วนประตูด้านหนึ่งเป็นลานกว้างภายในพระราชวังที่มีรูปปั้นและอาคารเก่าแก่ ดูขรึมขลังน่าชม


