
บทความ
บนถนนสายดอกไม้ สู่แม่น้ำดอกโบตั๋น
และทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟ
นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์...เรื่อง
คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ
การเดินทางไปเยี่ยมชมมรดกโลกลำดับที่ 30 ของประเทศจีนของผมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12-22 กันยายน 2551 โดยมีีจุดหมายอยู่ ที่ี่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนที่เรียกกันว่าตงเป่ยชวี ซึ่งประกอบด้วย 3 มณฑล คือ มณฑลเหลียวหนิง มณฑลจี๋หลินและมณฑลเฮยหลงเจียง และมณฑลที่ผมได้ไปเยือนคือมณฑลเหลียวหนิงและมณฑลจี๋หลินสำหรับมณฑลจี๋หลินซึ่งเป็นไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้ตั้งอยู่ทางตอนกลางของแคว้นแมนจูเรีย และมีชายแดนทางตอนใต้อยู่ติดกับพรมแดนด้านเหนือของเกาหลีี - เหนือ โดยมีแม่น้ำยาลู่เจียงเป็นเส้นแบ่งเขตแดน
จุดหมายแรกของผมอยู่ที่จี๋ฮั่นอันเป็นเมืองชายแดนด้านใต้ของมณฑลจี๋หลิน เมืองนี้คือดินแดนที่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรโคคูเรียว หรือโคคูระยอ อันเป็นดินแดนของบรรพบุรุษ
ระหว่างการเดินทางไปยังเมืองจี๋ฮั่นนั้นนับเป็นการเดินทางที่ยาวนานแต่น่าประทับใจ เราเริ่มเดินทางด้วยรถไฟจากกรุงเป่ยจิง ไปยังนครเสิ่นหยาง เมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิงทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุง เป่ยจิงหลังจากแวะชมแหล่งมรดกโลกที่เมืองเสิ่นหยางแล้ว เราก็ออกเดินทางสู่เมืองจี๋ฮั่นโดยรถยนต์ ซึ่ง 2 ชั่วโมงสุดท้าย ระยะทาง 110 กม. นั้น เป็นถนนที่สุดแสนจะน่าประทับใจ เพราะสองข้างปลูกต้นดอกดาวกระจายหลาก
สีตลอดระยะทางที่รถแล่นผ่านบางครั้งถนนก็เลียบแม่น้ำไปตามหุบเขาในแนวเทือกเขาหลงกั่ง-ซาน จนกระทั่งถึงเมืองจี๋ฮั่นในเทือกเขาฉางไป่ซาน ซึ่งแสนจะงดงามด้วยทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟ
บางช่วงของถนนจะผ่านหมู่บ้านที่บ้านแทบทุกหลังปลูกดอกไม้ ต้นไม้สวยงามนานาชนิด แล้วยังมีภาพหุบเขางดงามซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ไร่องุ่น ไร่โสมจัดได้ว่าเป็นดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ และชาวเมืองก็มีอัธยาศัยใจคอดี ใครได้มายลแล้วจะประทับใจในความงามอย่างมิรู้ลืม



แล้วผมก็มาถึงเมืองจี๋ฮั่น ถ้าคุณติดตามชมภาพยนตร์เกาหลีเรื่องจูมง คงจำได้ว่าจูมงเป็นกษัตริย์รุ่นแรกๆ ของชาวโคคูเรียวที่ได้ก่อตั้ง
ประเทศขึ้นมาทางด้านซ้ายของแม่น้ำยาลู่เจียง ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองจี๋ฮั่นนั่นเอง เมืองนี้มีสถานที่น่าสนใจใจคือหมู่บ้านโบราณและสุสานกษัตริย์โคคูเรียว โดยเฉพาะสุสานที่มีลักษณะเป็นรูปพีระมิด ซึ่งกษัตริย์องค์ที่ 20 ได้ทรงสร้างขึ้นเป็นที่น่าอัศจรรย์ จนได้รับการขนานนามว่า “พีระมิดแห่งตะวันออก”

จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปยังเทือกเขาฉางไป๋ซาน ซึ่งยอดเขาลูกหนึ่งมีหิมะปกคลุมอยู่ชั่วนาตาปี และมีทะเลสาบแสนสวยสีน้ำเงินใสอยู่บนยอดปล่อง ภูเขาไฟนั้น ตามตำนานกล่าวกันว่าผู้มีบุญวาสนาและมีโชคเท่านั้นที่จะได้เห็นความงามตระการเพราะอากาศแปรปรวนอยู่เป็นนิจ และด้วยวาสนาและผลของบุญที่เราได้ทำร่วมกันที่อาศรมแห่งขงจื๊อ ณ เมืองท่งฮวา คณะเราก็ได้ยลโฉมความงามของทะเลสาบเหนือปล่องภูเขาไฟฉางไป๋ซานได้ในการเยี่ยมชมครั้งแรก
บริเวณเทือกเขาฉางไป๋ซานที่เราท่องเที่ยวอยู่นี้เป็นแนวเทือกเขายาว ซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างจีน - เกาหลีเหนือ และเป็นถิ่นของโสมธรรมชาติ ที่รู้จัก กันในนามของโสมคน หรือโสมเกาหลี ช่วงที่เดินทางอยู่ในบริเวณหุบเขาของ
เทือกเขาฉางไป๋ซาน ระยะทาง120 กม. เราผ่านไร่ปลูกโสมมากมาย และได้แวะที่ไร่โสมแห่งหนึ่ง ซึ่งชาวไร่กำลังขุดโสมจากแปลงที่ปลูกไว้ 6 ปี จัดเป็นโสมคุณภาพเยี่ยมเราจึงโชคดีได้ซื้อโสมแท้จากไร่ในราคามิตรภาพ
นอกจากนี้ ในบริเวณเทือกเขาฉางไป๋ซานยังมีสุดยอดของฝากอีก 2 อย่าง คือ เขากวางอ่อน ซึ่งเป็นยาบำรุงราคาแพงและหนังเตียวที่ได้มาจากสัตว์ตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่าเตียวผี มีขนอ่อนนุ่ม ให้ความอบอุ่นได้ดีในฤดูหนาว
และเมื่อเดินทางต่อไปจนถึงช่วงเวลา 6 โมงเย็นพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วเหลือแต่แสงสีแดงสุดท้ายจับขอบฟ้าขณะที่รถกำลังข้ามสะพานสูงที่ทอดข้ามลำน้ำแสนสงบ ทางด้านขวาของสะพานคือภาพลำน้ำที่มีแสงสุดท้ายของอาทิตย์อัสดงทาทับ ส่วนด้านซ้ายมีดวงจันทร์กลมโตเต็มดวงและทาทับ
หลังจากเที่ยวแหล่งธรรมชาติซึ่งอยู่ในเขตแนวภูเขาไฟระหว่างจีน-เกาหลีเหนือในบริเวณเทือกเขาฉางไป๋ซาน ผมก็เดินทางมายังเมืองหมู่ตานเจียงที่มีแม่น้ำดอกโบตั๋นไหลผ่านโดยไม่ได้ตั้งใจตามกำหนดการเราจะต้องแวะพักกลางทางที่ทะเลสาบจิ้งป๋อหูก่อนจะเดินทางไปเมืองฮาร์บิน ใครจะเชื่อว่าพอถึงวันที่จะไปพัก ปรากฏว่ามีคนจองโรงแรมทั้งโรงแรมเพื่อจัดการประชุมเราเลยต้องย้ายไปนอนเมืองกลางทาง คือหมู่บ้านตานเจียง และหลังจากรับประทานอาหารค่ำเราก็ถือโอกาสไปเยี่ยมชมอนุสาวรีย์แห่งความกล้าหาญของวีรสตรี 8 ท่านที่ต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสู้พลางถอยพลางจนมาจนมุมที่ริมแม่น้ำดอกโบตั๋น เมื่อรู้แน่ว่าสู้ไม่ได้พวกเธอก็ไม่ยอมตกเป็นเชลย แต่ตัดสินใจกระโดดแม่น้ำตายชาวเมืองจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์เป็นรูปปั้นตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำดอกโบตั๋นดังกล่าว
ตลอดระยะเวลาที่ผมเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในดินแดนภาคอีสานของจีน ผมได้พบเห็นความงดงามของธรรมชาติ ที่สร้างความประทับใจไปตราบเท่าที่มีชีวิตอยู่ ภาพที่เห็นและอารมณ์ที่ได้รับรู้นั้น ยากนักที่จะบรรยายเป็นตัวอักษรนอกจากคุณจะต้องเดินทางออกไปเห็นด้วยตนเอง
เขาว่าชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก ให้รางวัลหลังจากการทำงานหนักด้วยการออกไปพบกับธรรมชาติที่แสนสงบ ไปพบปะผู้คนที่น่ารักมีใจเมตตาที่อยู่ในชนบท แล้วจะได้รับรู้ว่าโลกของเราใบนี้นั้นน่าอยู่ยิ่งนัก

