top of page
Misty Woodland

มนตรี ศรีโอภาศ

เส้นทางภูเขาบน Canadian Rocky

คุณมนตรี ศรีโอภาศ...เรื่อง

คุณไพศาล เจริญจรัสกุล...ภาพ

      เหนือเส้นศูนย์สูตรขึ้นไปหลายพันกิโลเมตร ณ ทวีปอเมริกาเหนืออันไกลโพ้น คือดินแดนแสนงดงามแห่งทุ่งน้ำแข็ง แอ่งทะเลสาบ ทุ่งทุนดรา และป่าสนนับล้านไร่ นั่นคือภาพภูมิทัศน์อันสวยงามของประเทศแคนาดาที่ผมได้เห็นหลายครั้งผ่านหนังสารคดี เสน่ห์ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ที่เรียกนักเดินทางจากทุกมุมโลกให้ไปสัมผัส มันเป็นดินแดนในฝันของเหล่านักเดินทางผู้ค้นหาความพิสุทธิ์แห่งธรรมชาติ และรวมถึงตัวผมเองก็คิดฝันว่า สักวันหนึ่งต้องไปเยือนก่อนตาย

      แล้วผมก็โชคดีได้ไปจริงๆ

      การเดินทางไปบุกแคนาเดียน ร็อกกี ด้วยการขับรถเที่ยวเอง รวมเวลา 10 วัน เกิดขึ้นเมื่อราวกลางเดือนกันยายน ช่วงเวลาของการย่างเข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง สีสันของต้นเมเปิลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออ่อนๆ รถแวนขนาดกลางคือพาหนะที่จะพาเรามุ่งหน้าสู่ขุนเขาแห่งแคนาเดียน ร็อกกี เส้นทางท่องเที่ยวในแหล่งมรดกโลกที่ว่ากันว่างดงามโรแมนติกที่สุดของแคนาดา

      เริ่มต้นกันที่เมือง Vancouver ในแดนตะวันตกเฉียงเหนือของแคนาดา มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามเส้นทาง Tran-Canada Highway สู่เมือง Revelstoke อันเป็นจุดเชื่อมไปยัง Banff เมืองหลวงแห่งแคนาเดียน ร็อกกี ในฝั่งรัฐ Alberta เพื่อไปเยือนดินแดนแห่งทะเลสาบสีเขียวมรกต แล้วขับรถต่อไปบนเส้นทางแห่งทุ่งธารน้ำแข็ง Columbia Icefield จนถึงเมือง Jasper ซึ่งเป็นที่ตั้งของอีกหนึ่งอุทยานแห่งชาติอันงดงาม ก่อนจะวกกลับลงไปยังรัฐ British Columbia ผ่านอุทยานแห่งชาติ Mount Robson แล้วมุ่งลงทางใต้ไปยังเมือง Whistler เมืองหลวงแห่งกิจกรรมฤดูหนาวอันขึ้นชื่อของแคนาดา แล้ววนกลับมายังจุดเริ่มต้นที่เมืองแวนคูเวอร์ รวมระยะทางราว 2,500 กิโลเมตร นับเป็นระยะทางที่ไม่ไกลเกินไปนักสำหรับการขับรถ 10 วัน

Canadian Rocky_0501.JPG

      จากแวนคูเวอร์ไปเมืองรีเวลสโตก เราต้องขับรถกันไกลกว่า 400 กิโลเมตร โดยไปค้างคืนที่รีเวลสโตก ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ มีรูปปั้นครอบครัวหมีกริซลีหน้าทางเข้าพลาซ่าเป็นสัญลักษณ์ ใครผ่านไปมาเป็นต้องแวะไปถ่ายรูป

      เดินเล่นชมเมืองสักพัก เราก็ออกเดินทางไปตามเส้นทางสายทราน-แคนาดา ไฮเวย์ มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติ Glacier อุทยานฯ แห่งนี้มีธารน้ำแข็งมากกว่า 400 แห่งบนเทือกเขาโคลัมเบียซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาร็อกกีด้านฝั่งตะวันตก มีอาณาเขตกว้างไกลถึง 1,345 ตารางกิโลเมตร มีจุดให้เดินเที่ยวสั้นๆ หลายแห่ง เช่น Skunk Cabbage Trail, Hemlock Grove Trail, Rock Garden Trail เป็นต้น

      ออกเดินทางกันต่อ โดยมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังอุทยานแห่งชาติ Yoho ซึ่งมีเส้นทางเดินธรรมชาติหลายสายจากริมทาง เราแวะไปเที่ยวน้ำตก Tatakkaw ที่มีความสูง 380 เมตร ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงติดอันดับสองของแคนาดาเลยเชียว

      หลังมื้อเที่ยงเราขับรถต่อเพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาบ Emerald ดื่มด่ำกับภาพผืนน้ำสีเขียวมรกตสะท้อนเงาภูเขาตัดกับสีครามงดงามของท้องฟ้า จากนั้นจึงขับรถต่อไปยังอุทยานแห่งชาติแบมฟ์ (เขียนว่า Banff แต่ออกเสียงว่าแบมฟ์ครับ)

Canadian Rocky_6123.JPG

      อุทยานฯ แบมฟ์ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีเม็ดงาม และเป็นเขตสงวนแห่งแรกของแคนาดา ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์น้ำร้อนธรรมชาติเอาไว้ โดยรัฐบาลบริติช โคลัมเบียได้ประกาศจัดตั้งพื้นที่นี้ให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของแคนาดามาตั้งแต่ พ.ศ. 2428 ครอบคลุมพื้นที่กว่า 6,641 ตารางกิโลเมตร มีแหล่งท่องเที่ยวเด่น คือ ทะเลสาบ Louise และทะเลสาบ Moraine

      ออกจากอุทยานฯ เราก็ไปสำรวจเมืองแบมฟ์ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ในหุบเขาระหว่างเทือกเขา Sulphur และเทือกเขา Cascade และเป็นเมืองที่ค่อนข้างคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว หลังจากขับรถวนรอบเมืองจนออกนอกเมืองแล้ว เราก็ตัดสินใจไปขึ้น

กระเช้ากอนโดลาบนยอดเขาซัลเฟอร์ ที่ความสูง 2,451 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง มองเห็นวิวทิวทัศน์ได้รอบตัว เห็นแม่น้ำ Bowl สีฟ้าไหลผ่านตัวเมือง ถัดออกไปคือทะเลสาบ Minnewanka ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาเรียงรายสลับซับซ้อนงดงามเป็นอย่างยิ่ง

      จากตัวเมืองแบมฟ์ เราขับรถมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามเส้นทาง Icefield Parkway หรือเส้นทางสาย 93 ระยะทางราว 125 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางขับรถที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยเลาะไปตามสันเขาแคนาเดียน ร็อกกี ชมวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตาของทิวเขาและธารน้ำแข็งกว่า 100 สาย

      ผมขับรถผ่านทะเลสาบมากมาย ทั้งทะเลสาบ Hector, Bowl, Peyto เพื่อไปให้ถึง Columbia Icefield ก่อนเวลาปิดทำการคือ 5 โมงเย็น บอกได้เลยว่าที่นี่คือที่สุดของจุดท่องเที่ยวทั้งหมดในรายการ เราต้องนั่งรถบัสล้อโตลุยธารน้ำแข็งเข้าไปเพื่อชมความงามของธารน้ำแข็ง Athabas- ca อย่างใกล้ๆ

      ทุ่งน้ำแข็งโคลัมเบียเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแจสเปอร์ ซึ่งเป็นอุทยานฯ ที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาร็อกกีที่มีความยาวกว่า 4,827 กิโลเมตร เป็นจุดรวมความหลากหลายทางธรรมชาติ มีทั้งธารกลาเซียร์ แม่น้ำ ทะเลสาบ โตรกผา ป่าไม้ สัตว์ป่านับร้อยชนิด และภูเขาสูงที่โอบล้อม ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในพื้นที่ 10,880 ตารางกิโลเมตร ที่ส่วนหนึ่งถูกปกคลุมด้วยธารน้ำแข็งโบราณกว่าพันปี กินพื้นที่กว้างถึง 390 ตารางกิโลเมตร

      สำหรับตัวเมืองแจสเปอร์นั้น เป็นเมืองที่เล็กและเงียบสงบกว่าเมืองแบมฟ์มาก เป็นแหล่งที่มีทะเลสาบสีเทอร์คอยซ์ให้ชมมากมาย เช่น ทะเลสาบแจสเปอร์, Valley of Five, Pyramid, Medicine ฯลฯ

      จากเมืองแจสเปอร์ เราขับรถมุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 16 (Yellowhead Highway) แวะเที่ยวอุทยานฯ เมาต์ร็อบสัน เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของขุนเขาตระหง่านที่มียอดเขาสูงถึง 3,954 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง นับเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกี อุทยานฯนี้มีเส้นทางเดินขึ้นไปยังธาร

Canadian Rocky_6202.JPG

      น้ำแข็งและทะเลสาบให้เลือก หลายเส้นทาง ระยะทางใกล้สุดคือ 7 กิโลเมตร ไปยังทะเลสาบ Kinney และไกลสุดคือ 23 กิโลเมตร ไปยังช่องเขาร็อบสัน

      หลังจากแรมคืนที่เมือง Wells Gray แล้ว เช้าวันนี้เราก็เดินทางสู่เมืองวิสต์เลอร์ แวะเที่ยว Hat Creek Ranch ซึ่งเป็นไร่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาวอินเดียนแดง มีการจัดแสดงวิถีชีวิตของชุมชนในยุคขุดทอง จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังเมือง Lilooet แล้วขับรถต่อไปจนถึงหมู่บ้านวิสต์เลอร์ เมืองตากอากาศและสกีรีสอร์ตติดอันดับ 1 ของทวีปอเมริกาเหนือ เมืองนี้เคยได้รับเลือกให้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อต้นปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมา

      เราหยุดพักที่วิสต์เลอร์ ช็อปปิ้งสบายๆ กันหนึ่งวัน ก่อนจะขับรถกลับเข้าเมืองแวนคูเวอร์ในเช้าวันรุ่งขึ้น บนเส้นทางเลียบชายฝั่งแปซิฟิกอันงดงาม ตลอด 10 วันของการขับรถแรมทางในทวีปอเมริกาเหนือ ทำให้เราได้สัมผัสความมหัศจรรย์แห่งเทือกเขาแคนาเดียน ร็อกกีอย่างแท้จริง และยังเป็นการเดินทางสำรวจที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เปี่ยมไปด้วยมิตรภาพแสนอบอุ่นจนลืมไม่ลง

(ตัดตอนและเรียบเรียงจากสารคดีเรื่อง “เส้นทางภูเขาบน Canadian Rocky” ตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature Explorer ฉบับที่ 121 เดือนกรกฎาคม 2553)

Canadian Rocky_2770.JPG
Canadian Rocky_9909.JPG
Canadian Rocky_1100.JPG

บทความ

© 2018 by Truenaturephotos. All Rights Reserved

bottom of page